6 ขั้นตอนเปลี่ยนแพคเกจครีมธรรมดา ให้กลายเป็นกล่องสุดเก๋
อะไรคือสิ่งที่สามารถดึงดูดลูกค้าได้ดี ถ้าคิดว่าเป็นผลิตภัณฑ์ด้านในล่ะก็ พวกคุณคิดผิด เพราะจริง ๆ แล้วสิ่งที่สามารถดึงดูดความสนใจของลูกค้าได้ก็คือ แพจเกจจิ้ง หรือกล่องที่ใช้ปกปิดผลิตภัณฑ์นั่นเอง สิ่งนี้จะเป็นสิ่งแรกที่ลูกค้ามองเห็น และให้ความสนใจในตัวผลิตภัณฑ์ในเวลาต่อมา ดังนั้นแพคเกจจึงมีความความสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ครีม

เนื่องจากในปัจจุบันการผลิตครีม หรือสร้างแบรนด์ครีมนั้นมีจำนวนมาก ด้วยความนิยมในผลิตภัณฑ์ที่สามารถแก้ไขปัญหาผิวพรรณได้อย่างตรงจุด และสามารถแก้ไขได้หลากหลายปัญหา จึงทำให้มีผลิตภัณฑ์ครีมแยกออกได้หลายประเภทเช่น ครีมผิวกระจ่าง ครีมลดเลือนริ้วรอย ครีมลดเลือนจุดด่างดำเป็นต้น
ด้วยการที่มีผลิตภัณฑ์ครีมหลากหลายประเภท และหลากหลายแบรนด์ การสร้างความแตกต่างให้กับแบรนด์ของตัวเองจึงมีส่วนสำคัญ โดยเฉพาะการออกแบบแพคเกจจิ้ง เพราะถึงแม้ตัวผลิตภัณฑ์จะดีแค่ไหน แต่แพคเกจไม่สามารถดึงดูดสายตาลูกค้าได้ ลูกค้าเหล่านั้นก็จะไม่ได้สัมผัสถึงคุณภาพของผลิตภัณฑ์อย่างแน่นอน ดังนั้นในวันนี้ทางโควิก เคทท์ จะมาแนะนำ 6 ขั้นตอนเปลี่ยนแพคเกจครีมธรรมดา ให้กลายเป็นกล่องสุดเก๋ ซึ่งมีดังต่อไปนี้
วางแผนและออกแบบ
ก่อนที่จะผลิตแพคเกจออกมานั้น แบรนด์จะต้องวางแผนและออกแบบด้วยแพคเกจก่อน ซึ่งการวางแผนในที่นี้หมายถึง การออกแบบว่าจะเอาผลิตภัณฑ์ใส่ในแพคเกจขนาดไหน ใส่ยังไง เพื่อออกแบบแพคเกจครีมให้ตรงตามที่แบรนด์ตั้งไว้และสอดคล้องกับครีมที่ทำออกมาด้วย
วิเคราะห์กล่องที่นำมาใส่ครีม
อย่างถัดมาคือต้องวิเคราะห์ว่ากล่องที่เรานำมาทำเป็นแพคเกจนั้น มีขนาดไหน ต้องใหญ่หรือเล็กเท่าไหร่ ให้มองภาพรวมให้สมดุลกับตัวผลิตภัณฑ์ที่จะต้องใส่ลงไป คำนวณให้พอดีแล้วจะออกมาดูไม่มากเกินไป ซึ่งกล่องครีมนั้นไม่จำเป็นจะต้องเป็นกล่องสี่เหลี่ยมธรรมดาอย่างเดียวเสมอไป
เพราะแพคเกจสามารถออกแบบได้หลากหลายไม่ว่าจะเป็นถุงสามเหลี่ยมกระดาษ หรือกล่องแบบแปดเหลี่ยม กล่องแบบเพชรตามที่แบรนด์ออกแบบ ไม่จำกัดไว้ว่าจะต้องเป็นกล่องสี่เหลี่ยมธรรมดาอย่างเดียว เพราะมันเป็นการปิดกั้นความคิดของแบรนด์เกินไป เพราะกล่องสี่เหลี่ยมแบรนด์ไหนก็สามารถทำได้ ดังนั้นการแหวกแนวออกมาจากคนอื่นก็เป็นเรื่องที่สร้างสรรค์ ที่สำคัญกล่องแพคเกจก็สามารถบ่งบอกตัวตนของแบรนด์ได้อีกด้วย
ลงมือทำด้วยความละเอียดอ่อนและบวกจินตนาการ
ลงมือทำด้วยความละมุนละม่อม บรรเลงทำอย่างเบามือมากที่สุดตามแบบที่ได้วางและดีไซน์ไว้บวกจินตนาการที่เรามีใส่ลงไปในงานมันจะทำให้งานดูเหมือนมีชีวิตชีวา สดใส ใส่ความเป็นเราลงไปในงานด้วยก็จะดีมาก งานจะได้ออกมาไม่เหมือนใคร ถ้าจดลิขสิทธิ์เป็นของแบรนด์เราได้เลยนั้นจะยิ่งดี เพราะจะไม่มีใครสามารถลกเลียนแบบได้
คิดและร่างเนื้อหาที่จะใส่บริเวณกล่องครีม
แน่นอนว่าแค่กล่องอย่างเดียวมันไม่สามารถทำให้ลูกค้ารู้ว่าแพคเกจนี้เป็นผลิตภัณฑ์อะไร ของแบรนด์ไหน ดังนั้นการใส่ข้อมูลต่าง ๆ ลงไปในกล่องด้วย ลองเขียนเนื้อหาที่จะใส่ลงไปบริเวณรอบ ๆ กล่องแต่ควรจะเป็นเนื้อหาที่ไม่มาเกินไป มีประโยชน์และไม่ควรใส่ข้อมูลติดกันมากเกินไปและเยอะเกินไปจะทำให้ไม่น่าอ่านควรจะมีการเว้นวรรคเว้นระยะห่างให้พอดีพอสมควร
ที่สำคัญ คือการใส่โลโก้ประจำของแบรนด์ เป็นสิ่งที่ไม่ควรลืม ควรจะใส่ไว้บนกล่องที่เห็นได้ชัดมากที่สุด เพราะลูกค้าจะจดจำโลโก้และชื่อของผลิตภัณฑ์เป็นหลัก มากกว่าการจดจำอย่างอื่น
จัดระเบียบบริเวณด้านในและนอกกล่อง พร้อมตรวจสอบ
การจัดระเบียบในที่นี้หมายความว่า ดูว่าสิ่งที่เราออกแบบให้ทำไป มันตรงกับที่ลงไปในกล่องครีมไหมเช่น สติ๊กเกอร์โลโก้ที่นำมาติดบนกล่องชัดเจนไหม มีการบิดเบือนความจริงที่ออกแบบไปให้หรือเปล่า รูปชัดเจนไหมเบลอไหมหากเบลอให้นำเปลี่ยนทันทีเพราะจะทำให้ลูกค้าอ่านได้ไม่ชัดเจนและอาจจะคิดว่าสินค้าของเราเป็นสินค้าที่เกิดจากการปลอมแปลงมา ไปจนถึงติดเบี้ยวหรือเปล่า ซึ่งควรติดให้ตรงเพราะจะแสดงถึงความใส่ใจในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของสินค้าของแบรนด์
ดูผลตอบรับและพฤติกรรมของลูกค้า
เมื่อทางแบรนด์ทำการออกแบบแพคเกจกล่องครีมออกมาเรียบร้อยแล้วก็ถึงเวลาพร้อมจำหน่ายผลิตภัณฑ์ และเมื่อวางจำหน่ายแล้ว สิ่งที่ทางแบรนด์จะต้องทำต่อคือ ดูผลการตอบรับของลูกค้าว่าปฏิกิริยากับผลิตภัณฑ์ของเรามากแค่ไหน ชอบหรือถูกใจมากแค่ไหน มีตรงไหนที่ลูกค้าไม่ชอบแล้วทางแบรนด์ต้องปรับปรุงเพิ่มหรือไม่ ดูพฤติกรรมของลูกค้าเมื่อซื้อสินค้าของเรา รู้สึกแปลกตาบ้างไหม ที่สินค้าของแบรนด์ออกแบบกล่องใส่ครีมที่ไม่เหมือนใคร และดูเก๋ไก๋ ลึกซึ้ง ตอบโจทย์ดูน่าซื้อมากกว่าสินค้าอื่น ๆ
สรุป
แพคเกจจิ้ง หรือ กล่อง เป็นส่วนที่ใช้ห่อหุ้มผลิตภัณฑ์ ไม่ให้ผลิตภัณฑ์ได้รับความเสียหาย โดยนอกความความแข็งแรงเพื่อป้องกันการเสียหายแล้ว รูปร่างที่สวย สะดุดตาก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้ เพราะแพคเกคคือสิ่งที่ลูกค้าเห็นเป็นอันดับแรก หากแพคเกจไม่สะดุดตา หรือดึงดูดลูกค้าให้เข้ามารู้จักกับตัวผลิตภัณฑ์ ต่อให้ผลิตภัณฑ์ดีแค่ไหนก็ไม่สามารถสร้างยอดขายได้ และที่สำคัญแพคเกจจิ้งในปัจจุบันสามารถออกแบบได้หลากหลาย สามารถสร้างความโดดเด่นและเอกลักษณ์ให้กับแบรนด์ได้เป็นอย่างดี
แหล่งที่มา : www.fastboxs.com
โควิก เคทท์ เป็นโรงงานผลิตอาหารเสริม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ผลิตเครื่องสำอาง สกินแคร์ ยาสมุนไพรและสารสกัดสมุนไพร ที่มีประสบการณ์กว่า 20 ปี
บริการผลิตอาหารเสริมครบวงจร ที่มีคุณภาพสูง มีความปลอดภัยและมาตรฐานที่ดีเยี่ยม เพื่อให้คุณลูกค้าได้เป็นเจ้าของแบรนด์ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมในรูปแบบที่ง่ายและไม่ต้องลงทุนสูง
จากแนวคิด Complete OEM Health & Beauty Ecosystem โควิก เคทท์ ได้นำความเชี่ยวชาญ การพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์จากสารสกัดธรรมชาติและสมุนไพร มาต่อยอดเทคโนโลยี และสร้างนวัตกรรมการผลิต ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมใหม่ๆ เพื่อเพิ่มคุณภาพผลิตภัณฑ์และประสิทธิภาพของสินค้าต่อผู้บริโภคให้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น
สำหรับผู้ที่สนใจผลิตอาหารเสริมกับทาง #KovicKate ติดต่อได้ที่
โทร : 02-521-7888
