กระแสธุรกิจอาหารเสริมและเครื่องสำอางหลัง COVID-19
ในช่วง 1 – 2 ปีที่ผ่านมาเกิดการแพร่ระบาดของ COVID – 19 ในทั่วโลก ซึ่งจากการระบาดในครั้งนี้ได้ส่งผลกระทบไปยังธุรกิจต่าง ๆ อย่างกว้างขว้างไม่ว่าจะเป็นธุรกิจโรงแรม ธุรกิจการท่องเที่ยว หรือธุรกิจจัดงานอีเว้นท์ แต่ในทางกลับกันก็มีจะบางธุรกิจที่กระแสดีมากขึ้นได้แก่ ธุรกิจอาหารเสริมและเครื่องสำอาง โดยในวันนี้ทาง Kovic จะมาพูดถึงกระแสธุรกิจอาหารเสริมและเครื่องสำอางหลัง COVID-19 เพื่อเป็นการตัดสินใจสำหรับผู้ที่สนใจธุรกิจด้านนี้แต่ยังมีความกังวลเนื่องจากสถานการณ์ดังกล่าว
แนวโน้มตลาดธุรกิจอาหารเสริม
ในตลาดของอาหารเสริมนั้น มีแนวโน้มมีอนาคตที่สดใส และมีอัตราการเติบโตสวนกระแสธุรกิจอื่น ๆ ที่ซบเซารอวันที่สถานการณ์ดีขึ้นเพื่อฟื้นฟูธุรกิจ โดยในประเทศไทยหลังจากผ่านวิกฤติ COVID-19 ไป 2 รอบ พฤติกรรมของผู้คนก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงไปสู่วิธีชีวิตใหม่ หรือที่รู้จักในคำว่า New Normal ที่ผู้คนหันมาสนใจสุขภาพตัวเองมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้มูลค่าทางการตลาดอาหารเสริมจะเติบโตแบบก้าวกระโดด โดยธุรกิจดังกล่าวเพียงไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 แต่ตรงข้ามกลับกลายเป็นปัจจัยสนับสนุนอีกทาง
จากผลการสำรวจของสาวดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ระบุว่าชาวไทยประมาณ 45.39% หันมาสนใจความสำคัญกับการดูแลสุขภาพกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างสุขภาพและภูมิคุ้มกัน ไปจนถึงการทานผลิตภัณฑ์อาหารเสริมและวิตามิน รวมทั้งการเข้าไปปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแขนงต่าง ๆ มากขึ้นอีกด้วย
โดยแนวโน้มดังกล่าวสอดคล้องกับข้อมูลจากบริษัทไอพีจี มีเดียแบรนด์ ประเทศไทย จำกัด ที่คาดการณ์ทิศทางใหม่จากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงสู่ New Normal ว่าทุกวันนี้ชาวไทยส่วนใหญ่นั้นมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับเรื่องของสุขภาพเป็นพิเศษกว่าเมื่อก่อน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มคน Gen Y ซึ่งกลุ่มผู้บริโภคที่มีขนาดใหญ่กำลังซื้อสูง ซึ่งไม่เพียงแค่นั้นจะขยายไปยังช่วงวัยอื่น ๆ อย่างเช่น Baby boomers หรือกลุ่มผู้สูงอายุ ขณะที่อีกส่วนหนึ่งอาจมาจากข้อมูลทางการแพทย์ ระบุว่าการรักษาสุขภาพให้แข็งแรงอยู่สม่ำเสมอ จะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันและป้องกันไวรัสได้ ด้วยเหตุผลเหล่านี้ส่งผลให้อาหารเสริมเพื่อสุขภาพที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย กลายเป็นที่ต้องการของผู้คนมากขึ้น เพราะการทานอาหารเสริมจะเป็นการช่วยซ่อมแซมร่างกายที่เสื่อมโทรมและฟื้นฟูสุขภาพร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างเช่น วิตามินซี ฟ้าทะลายโจร และอื่น ๆ ที่มีส่วนช่วยในการเพิ่มภูมิต้านทาน
มูลค่าอาหารเสริมในปี 2563
เทรนด์สุขภาพในยุค New Normal ไม่เพียงแต่ส่งผลบวกต่อตลาดธุรกิจอาหารเสริมเพื่อสุขภาพเท่านั้น ทาง บริษัท อมาโด้ กรุ๊ป จำกัด ยังได้คาดการณ์ว่าโดยภาพรวมของมูลค่าตลาดจะเติบโตมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ประมาณ 5-10% หรือมูลค่าทางการตลาดของปี 2563 อาจพุ่งสูงถึง 23,916.80 ล้านบาท เติบโตจากปี 2562 ที่มีมูลค่า 20,876.30 ล้านบาท
สาเหตุสำคัญที่ผลักดันให้มูลค่าการตลาดปีนี้เติบโตแบบก้าวกระโดด เนื่องจากกลุ่มผู้บริโภคชาวไทยได้หันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมและวิตามินได้รับความนิยมตามไปด้วย โดยการแพร่ระบาดของ COVID-19 ได้สร้างวิธีชีวิตใหม่ทางด้านสุขภาพให้แก่คนไทย แต่ไวรัสนั้นก็ยังไม่หมดไป กลับมีการระบาดมากขึ้นในช่วงต้นปี 2564 และถึงแม้จะมีการนำเข้าวัคซีนทั้งทางรัฐบาล และวัคซีนทางเลือกแล้ว ประชาชนบางส่วนก็ยังให้ความสำคัญกับการทานอาหารเสริมอยู่ด้วย
อย่างไรก็ตามหลังจาก COVID-19 ส่งผลกระทบต่อชีวิตของผู้คนทั่วโลก แทบทุกประเทศออกมาตรการเข้มงวดเพื่อหยุดยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อโรคให้ได้เร็วที่สุด เพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและสังคมภายในประเทศเช่นเดียวกับประเทศไทย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นแรงบีบให้พฤติกรรมหลายอย่างของผู้คนในสังคมเปลี่ยนแปลงไปเพื่อปรับตัวให้เข้ากับภาวะวิกฤติโรคระบาด
และพฤติกรรมเหล่านั้นกลายเป็น New normal ในหลายๆ ด้าน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือพฤติกรรมการดูแลสุขภาพ รับประทานอาหารเพื่อสุขภาพมากขึ้น เท่ากับเป็นการกระตุ้นให้ตลาดอาหารเสริมพลอยได้รับอานิสงส์ตามไปด้วย
เทรนด์และความเปลี่ยนแปลงในธุรกิจเครื่องสำอางหลัง COVID-19
นอกจากธุรกิจอาหารเสริมแล้ว ธุรกิจเครื่องสำอางก็ถือเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่สวนกระแสของธุรกิจในช่วง COVID-19 เนื่องจากผลพวงจากการล็อกดาวน์ ต้องกักตัวอยู่บ้าน รวมไปถึงการทำงานที่บ้าน ทำให้ผู้คนมีเวลาอยู่บ้านกันมากขึ้น และเริ่มสรรหาสิ่งต่าง ๆ รอบตัวทำให้ตัวเองมีความสุข เช่นการอัพคลิปวิดีโอแต่งหน้าในโซเชียลมีเดียต่าง ๆ จนทำให้เกิดเป็นเทรนด์และการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจเครื่องสำอาง ส่งผลให้มีความเปลี่ยนแปลงในด้านความต้องการของผู้บริโภคดังนี้
เทรนด์และความเปลี่ยนแปลงในประเทศฝรั่งเศส
- สาวชาวปารีส ยังมีการลดระดับการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงและเสริมความงามลง ในช่วงที่รัฐบาลฝรั่งเศสเริ่มมาตรการกักตัวประชาชน เป็นระยะเวลานานกว่า 2 เดือน
- น้ำหอมและเครื่องสำอางเมื่อเดือนเมษายน 2563 ยอดขายกลับลดเหลือเพียง 22 ล้านยูโร เท่านั้น
- ครีมบำรุงผิวหน้าและผิวกาย ผลิตภัณฑ์บำรุงผม ลิปบาล์ม กลับได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น
- ลิปสติก คือสินค้าที่ได้รับผลกระทบสูงสุด
- ปัจจุบันที่เข้าสู่การใช้ชีวิตประจำวันตามเดิม แต่ยังต้องใส่หน้ากากอนามัย ยอดขายเครื่องสำอางสำหรับแต่งดวงตาปรับตัวสูงขึ้นถึงร้อยละ 116 โดยเฉพาะในกลุ่มมาสคาร่าที่มียอดขายเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 150
- เครื่องสำอางแบบติดทนนาน กันน้ำ กันเหงื่อ หรือกันเลอะเลือนกลับมาได้รับความนิยมสูงขึ้นมาก
- เครื่องสำอางแบบคอนทัวร์ริ่งที่เคยฮิต ปัจจุบันกลับได้รับความสนใจน้อยลง
เทรนด์และความเปลี่ยนแปลงในประเทศจีน
- ในช่วงเกิดการระบาดผู้บริโภคเกือบร้อยละ 50 ให้ความสำคัญกับการดูแลผิวเป็นอย่างมาก ผลิตภัณฑ์ที่มีกำไรเพิ่มขึ้น เช่น แผ่นมาส์กหน้า โลชั่นบำรุงผิวหน้า เซรั่ม เครื่องมือและอุปกรณ์สำหรับดูแลผิวหน้า
- การแต่งหน้าน้อย ส่งผลให้มีการใช้ผลิตภัณฑ์เช็ดเครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์ป้องกันแดดน้อยลง
- หลังการระบาดพบว่า ผู้บริโภคร้อยละ 58 ดูแลผิวด้วยการเพิ่มความต้านทานของผิวจากสภาพแวดล้อมภายนอก ผู้บริโภคร้อยละ 55 ดูแลผิวโดยเน้นคุณค่าและประโยชน์ส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ และผู้บริโภคร้อยละ 53 ดูแลผิวโดยเน้นการปรับปรุงผิวพรรณอย่างต่อเนื่อง
- ปัจจุบันเหตุผลที่ผู้บริโภคใช้ในการเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผิวมากที่สุด ได้แก่ ความปลอดภัย ประสิทธิภาพ และส่วนผสมของผลิตภัณฑ์
- ผู้บริโภคหันมาใช้เทคนิคการแต่งหน้าที่เป็นธรรมชาติแบบบางเบามากขึ้น
เทรนด์และความเปลี่ยนแปลงในประเทศออสเตรเลีย
- ชาวออสเตรเลียมีการแต่งหน้าที่เข้ม หลังการระบาดมีการหันมานิยมแต่งหน้าให้มีความเป็นธรรมชาติมากขึ้น ทำให้ความต้องการซื้อสินค้าและผลิตภัณฑ์เพื่อความงามแบบทำได้ด้วยเองเพิ่มมากขึ้น
- ร้านค้าเครื่องสำอางออนไลน์ชื่อดังของออสเตรเลีย มียอดขายเครื่องอุปกรณ์สำหรับคลินิกเสริมความงามเพิ่มขึ้นร้อยละ 113 ยอดขายมาสก์บำรุงผิว เพิ่มขึ้นร้อยละ 63 และผลิตภัณฑ์ออยบำรุงผิว เพิ่มขึ้นร้อยละ 41
- หลังผ่อนปรนมาตรการมาได้ซักระยะ แต่พฤติกรรมการแต่งหน้ายังคงเน้นสภาพของผิวหน้าที่สดใสและเป็นธรรมชาติ โดยยังคงใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีเนื้อบางเบา แต่ปกปิดสูง และช่วยบำรุงผิวไปพร้อมกัน
สรุป
แม้ว่ากระแสในธุรกิจอาหารเสริมและเครื่องสำอางนั้นจะสวนทางกับธุรกิจอื่น ๆ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าการเริ่มต้นธุรกิจประเภทนี้จะง่ายมากขึ้น เพราะในตลาดอาหารเสริมและเครื่องสำอางก็ยังมีการแข่งขันอย่างดุดันระหว่างแบรนด์อยู่ ซึ่งถ้าหากผู้ที่สนใจทำแบรนด์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ หรือเครื่องสำอาง ก็อาจเลือกใช้ความต้องการของผู้บริโภคในตอนนี้มาเป็นไอเดียในการสร้างแบรนด์ของตัวเองได้
แหล่งที่มา
www.bangkokbanksme.com
www.smeone.info
โควิก เคทท์ เป็นโรงงานผลิตอาหารเสริม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ผลิตเครื่องสำอาง สกินแคร์ ยาสมุนไพรและสารสกัดสมุนไพร ที่มีประสบการณ์กว่า 20 ปี
บริการผลิตอาหารเสริมครบวงจร ที่มีคุณภาพสูง มีความปลอดภัยและมาตรฐานที่ดีเยี่ยม เพื่อให้คุณลูกค้าได้เป็นเจ้าของแบรนด์ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมในรูปแบบที่ง่ายและไม่ต้องลงทุนสูง
จากแนวคิด Complete OEM Health & Beauty Ecosystem โควิก เคทท์ ได้นำความเชี่ยวชาญ การพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์จากสารสกัดธรรมชาติและสมุนไพร มาต่อยอดเทคโนโลยี และสร้างนวัตกรรมการผลิต ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมใหม่ๆ เพื่อเพิ่มคุณภาพผลิตภัณฑ์และประสิทธิภาพของสินค้าต่อผู้บริโภคให้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น
สำหรับผู้ที่สนใจผลิตอาหารเสริมกับทาง #KovicKate ติดต่อได้ที่
โทร : 02-521-7888