เผยเทรนด์อาหารเสริมและวิตามิน ที่ทั่วโลกต้องการ
ต้องยอมรับว่าหลังเกิดแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ส่งผลให้เหล่าผู้บริโภคหันมาสนใจในเรื่องของสุขภาพมากขึ้น อีกทั้งยังรวมไปถึงจำนวนประชากรผู้สูงอายุที่มีจำนวนมากขึ้น จึงส่งผลให้ผู้บริโภคหันมาให้ความสำคัญกับการสร้างภูมิคุ้มกันแก่ร่างกาย หรือ Immune System
ทั้งนี้ด้วยความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มมากขึ้นในปัจจุบัน มีผลวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมผู้บริโภคของบริษัท Mintel ยืนยันว่า ผู้บริโภคในทวีปยุโรป ให้ความสำคัญกับการผลิตภัณฑ์ที่เป็นมังสวิรัติ (Vegan) และมีส่วนผสมของน้ำตาลน้อย (Low Lactose) ในขณะที่ผู้บริโภคในทวีปอเมริกาเหนือ เน้นผลิตภัณฑ์ที่ไม่สารตกแต่งพันธุกรรม (GMO Free) และผู้บริโภคในทวีปเอเชียนิยมผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติและปราศจากสารปรุงแต่ง
โดยปัจจุบันผู้บริโภคทั่วโลกยังคงนิยมการรับประทานอาหารเสริมและวิตามินเสริมอยู่ ซึ่งรูปแบบที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือ รูปแบบแคปซูล รองลงมาคือแบบเม็ด แบบผง และแบบน้ำ รวมไปถึงการให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์อาหารเสริมหรือวิตามินที่มาจากธรรมชาติ ฉลากชัดเจน มีความโปร่งใสสามารถตรวจสอบที่มาที่ไปของผลิตภัณฑ์เพื่อเลี่ยงผลิตภัณฑ์ปลอมหรือไม่ได้คุณภาพได้
โดยผู้บริโภคทั่วโลกเห็นพ้องต้องกันเกี่ยวกับการรับประทานอาหารเสริมและวิตามินที่ใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติมากกว่าที่ใส่สารปรุงแต่ง และผู้บริโภคชาวอเมริกัน ร้อยละ 27 ยอมจ่ายเงินเพิ่มขึ้น หากสินค้านั้นเป็นอาหารเสริมที่ไม่ผ่านการปรุงแต่ง (whole food ingredients) และร้อยละ 35 ต้องการทราบที่มาที่ไปของผลิตภัณฑ์ และยิ่งในปัจจุบันที่มีความต้องการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันมากขึ้น อาหารเสริมและวิตามินที่มีส่วนช่วยในเรื่องนี้จึงได้รับความนิยมมากขึ้นเป็นพิเศษ
ภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า เป็นโอกาสสำคัญที่ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมดังกล่าวของไทย จะใช้จุดแข็งของสมุนไพรไทย บวกกับการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและการวิจัยเพิ่มเติม ต่อยอดผลิตภัณฑ์อาหาร เครื่องดื่ม รวมถึงอาหารเสริมต่าง ๆ ของไทย เพื่อขยายตลาดต่างประเทศและตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคทั่วโลก
โดยในวันนี้เรามาเผยเทรนด์ หรือแนวโน้มอาหารเสริมและวิตามินที่ผู้บริโภคทั่วโลกต้องการ ซึ่งมีดังต่อไปนี้
การส่งเสริมสุขภาพแบบองค์รวม (Holistic Health)
บริโภคทั่วโลกกว่าร้อยละ 70 ต้องการอาหารเสริมหรือวิตามินที่สามารถปรับสมดุลในร่างกายเพื่อช่วยในการนอนหลับและลดความเครียด เน้นสารสกัดจากสมุนไพรธรรมชาติ และไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย โดยเฉพาะการรักษาสมดุลของระบบทางเดินอาหาร เพื่อป้องกันโรคภูมิแพ้ โรคภายในช่องปาก และช่วยรักษาผิวพรรณ
ความกังวลกับโรคอุบัติใหม่ และปัญหาสุขภาพ (New and emerging health concerns)
ผู้บริโภคชาวอเมริกันร้อยละ 35 จะเลือกซื้อสินค้าที่สร้างภูมิคุ้มกันในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและเครื่องดื่มทดแทน ผู้บริโภคชาวไทยร้อยละ 47 ของผู้บริโภคที่ต้องการอาหารเสริมและวิตามินเพิ่มเติม โดยจะหาซื้อในรูปแบบอาหารเสริมและเครื่องดื่ม และร้อยละ 63 จะนิยมเครื่องดื่มบำรุงสายตา ในขณะที่ผู้บริโภคชาวเยอรมัน อายุระหว่าง 55-64 ปี ร้อยละ 41 นิยมรับประทานในรูปแบบของโยเกิร์ต
การผสมผสานกับอาหารและเครื่องดื่ม
ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมและวิตามินที่มาจากพืชและโปรตีนทางเลือกได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น โดยผู้บริโภคชาวออสเตรเลียร้อยละ 24 ให้ความสำคัญต่อการเลือกอาหารที่คำนึงถึงความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ในขณะที่ผู้บริโภคในยุโรปร้อยละ 45 เชื่อว่าการรับประทานอาหารจากพืช (plant-base) ส่งผลดีต่อร่างกาย และผู้บริโภคชาวโปแลนด์และฝรั่งเศสร้อยละ 34 และ 35 ตามลำดับ นิยมรับประทานเครื่องดื่มจากพืชเช่น น้ำนมถั่วเหลืองและโยเกิร์ตที่มาจากพืชมากกว่าสัตว์
การผสมผสานกับความสวยงาม (Beauty Benefit)
กรดไฮยาลูโรนิก (hyaluronic acid) ได้รับความนิยมสูงในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากมีคุณสมบัติช่วยลดเลือนริ้วรอยและให้ความชุ่มชื้นต่อผิว โดยพบว่าผู้บริโภคชาวไทยร้อยละ 51 ให้ความสนใจกับอาหารและเครื่องดื่มที่ทำให้ผิวพรรณดีขึ้น และผู้บริโภคชาวจีนให้ความสนใจกับผลิตภัณฑ์ที่ใส่อาหารเสริมและวิตามินในน้ำผลไม้
นอกจากนี้ผู้ผลิตสินค้าในประเทศจีนเริ่มมีการนำกรดไฮยาลูโรนิก (hyaluronic acid) มาผลิตเป็นอาหารเสริมในรูปแบบเยลลี่และเครื่องดื่ม ซึ่งนับว่าเป็นการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสอดรับกับความต้องการของผู้บริโภคในอนาคต
การมีฉลากที่ชัดเจนและความโปร่งใสที่มาที่ไปของผลิตภัณฑ์ (Clean label and transparency)
ผู้ผลิตหรือเจ้าของแบรนด์จะต้องให้ความสำคัญกับฉลากที่ชัดเจนทั้งห่วงโซ่อุปทานของผลิตภัณฑ์ และฉลากที่บ่งบอกลักษณะของสินค้าที่สำคัญเช่น วัตถุดิบจากธรรมชาติ (plant-based ingredient) สินค้าออแกนิก (Organic) ปราศจากการตัดแต่งพันธุกรรม (GMO-free) ไม่มีสารก่อภูมิแพ้ (Allergy free) หรือไม่ใส่สารกันบูด (no preservatives) เป็นต้น
สรุป
เทรนด์อาหารเสริมและวิตามิน ที่ทั่วโลกต่างต้องการในตอนนี้ ส่วนใหญ่จะเน้นไปทางการดูแลสุขภาพ เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน มากกว่าเรื่องความสวยความงามที่เมื่อก่อนได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากปัจจุบันมีการระบาดของเชื้อโรค และยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าภายในอนาคตจะมีโรคหรือเชื้อโรคที่รุนแรงกว่านี้อีกหรือไม่ จึงเป็นเหตุให้การดูแล หรือรักษาสุขภาพมีโน้มแนวเป็นที่นิยมเพิ่มมากขึ้น และยังไม่มีทีท่าจะลดลงจนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดนี้จะยุติลง
ซึ่งในประเทศไทยนั้นก็ได้มีการนำสมุนไพร หรือวิตามินต่าง ๆ ที่ส่วนช่วยในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันมาใช้ในดูแลสุขภาพ โดยมีผู้ที่สนใจในสมุนไพรและวิตามินเหล่านั้นนำไปมาผลิตอาหารเสริม เพื่อเป็นผลิตภัณฑ์ในการดูแลสุขภาพจำนวนมาก หากเจ้าของแบรนด์อาหารเสริมที่กำลังมีความคิดริเริ่มในการผลิตอาหารเสริมหรือวิตามิน เทรนด์ที่ได้แนะนำไปก็น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว
แหล่งที่มา : www.smethailandclub.com
โควิก เคทท์ เป็นโรงงานผลิตอาหารเสริม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ผลิตเครื่องสำอาง สกินแคร์ ยาสมุนไพรและสารสกัดสมุนไพร ที่มีประสบการณ์กว่า 20 ปี
บริการผลิตอาหารเสริมครบวงจร ที่มีคุณภาพสูง มีความปลอดภัยและมาตรฐานที่ดีเยี่ยม เพื่อให้คุณลูกค้าได้เป็นเจ้าของแบรนด์ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมในรูปแบบที่ง่ายและไม่ต้องลงทุนสูง
จากแนวคิด Complete OEM Health & Beauty Ecosystem โควิก เคทท์ ได้นำความเชี่ยวชาญ การพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์จากสารสกัดธรรมชาติและสมุนไพร มาต่อยอดเทคโนโลยี และสร้างนวัตกรรมการผลิต ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมใหม่ๆ เพื่อเพิ่มคุณภาพผลิตภัณฑ์และประสิทธิภาพของสินค้าต่อผู้บริโภคให้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น
สำหรับผู้ที่สนใจผลิตอาหารเสริมกับทาง #KovicKate ติดต่อได้ที่
โทร : 02-521-7888