ปั้นแบรนด์สบู่ให้ปัง เพียงเลือกสบู่ให้เหมาะกับประเภทของผิว
ไม่ว่าใครก็สามารถสร้างแบรนด์ของตัวเองได้ เพียงมีเงินทุนและไอเดียของผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ แต่ยังทำให้อยากให้แบรนด์ถูกใจผู้บริโภคมากที่สุด ให้ผลิตภัณฑ์อาหาเสริมอาจจะเป็นเรื่องง่าย แต่ไม่ใช่กับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง สกินแคร์ หรือแม้แต่สบู่ เพราะผลิตภัณฑ์เหล่านี้เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับผิวพรรณ ซึ่งผิวพรรณของแต่ละคนนั้นมีความแตกต่างกัน จะให้ใช้ผลิตภัณฑ์แบบเดียวกันอาจเป็นเรื่องยาก จึงจะเห็นได้ว่าผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะมีการบอกเอาไว้ว่าสำหรับผู้บริโภคผิวแบบไหน
โดยในการสร้างแบรนด์สบู่นั้น เจ้าของแบรนด์ก็จะต้องใส่ใจกับเรื่องของประเภทผิวพรรณไม่ต่างจากเครื่องสำอางหรือสกินแคร์ เพราะสบู่เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับผิวพรรณ หากใช้ผลิตภัณฑ์กับผิวที่ผิดประเภท ต่อให้สารสกัดหรือสรรพคุณจะดีแค่ไหน ก็อาจไม่เกิดผลที่ดีต่อผิวพรรณผู้บริโภค หรืออาจทำให้ผิวพรรณของผู้บริโภคแย่ลงไปได้ ดังนั้นหากต้องการจะปั้นแบรนด์สบู่ให้ปัง จะต้องเลือกสบู่ให้เหมาะกับประเภทผิวพรรณของกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการด้วย โดยในวันนี้ทางโควิก เคทท์ จะพาไปรู้จักประเภทของผิว และสบู่ที่ต้องใช้กับผิวประเภทนั้น ๆ รวมไปถึงวิธีสร้างแบรนด์สบู่
ประเภทของผิวพรรณ
ผิวพรรณของคนเรานั้นมีความแตกต่างกัน การดูแล ทำความสะอาด หรือการบำรุงนั้นก็ย่อมมีความแตกต่างเช่นกัน โดยประเภทของผิวพรรณมีดังนี้
- ผิวแห้ง
- ผิวมัน
- ผิวแพ้ง่าย
- ผิวผสม
- ผิวธรรมดา
ผิวแห้ง (Dry Skin)
ผู้ที่มีผิวแห้ง เป็นผิวที่ละเอียดบอบบางและเกิดริ้วรอยได้ง่าย เนื่องจากมีการผลิตน้ำมันที่น้อยกว่าผิวธรรมดา เพราะผิวขาดกรดไขมันที่จำเป็นในการรักษาความชุ่มชื้น ทำให้ความรู้สึกหยาบกร้าน และดูหมองคล้ำได้ง่าย
ลักษณะของผิวแห้ง
- ผิวดูขาดน้ำ แห้งกร้าน
- ผิวลอกเป็นขุย
- มีอาการคันบ่อย
- รูขุมขนเล็ก ละเอียด
- มีริ้วรอยก่อนวัย
สำหรับกลุ่มผู้บริโภคที่มีผิวแห้ง ควรเลือกใช้สบู่ที่มีสูตรผสมกรีเซอรีน เพื่อรักษาความชุ่มชื้นของผิว เป็นไปได้ควรเลี่ยงการผลิตสบู่ที่มีโซเดียมลอเรทซัลเฟล เพราะเป็นสารที่ทำให้ผิวแห้ง และควรผลิตสบู่ที่ไม่ผสมน้ำหอม หรือน้ำมันหอมระเหย เพราะอาจยิ่งทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองมากขึ้น
ผิวมัน (Oily Skin)
ผู้ที่มีผิวมัน เป็นผิวที่มีลักษณะเงา มันวาว มีการผลิตน้ำมันในปริมาณที่มากเกินไป คนผิวมันจะมีผิวที่ค่อนข้างหยาบ รูขุมขนใหญ่ และมองเห็นรูขุมขนได้ชัดเจน มีแนวโน้มที่เป็นสิวร่วมด้วย
ลักษณะของผิวมัน
- น้ำมันหล่อเลี้ยงมากเกินไป
- หน้ามันเยิ้มสกปรกง่าย
- มีสิวเสี้ยน สิวหัวดำ
- ผิวเงา มันวาว รูขุมขนกว้าง
สำหรับกลุ่มผู้บริโภคที่มีผิวมัน ควรเลือกผลิตสบู่กลีเซอรีน เพราะจะช่วยไม่ให้ผิวแห้งจริงเกินไป หากผิวแห้งร่างกายจะทำงานตามกลไกผลิตน้ำมันออกมาเพิ่ม เป็นที่มาของปัญหารูขุมขนอุดตัน ไปจนเกิดสิว และไม่ควรผสมสารกันเสียด้วย เพราะเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้รูขุมขนอุดตัน
ผิวแพ้ง่าย (Sensitive Skin)
ผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย เป็นผิวที่ระคายเคืองและบอบบางมาก ๆ มีปัญหาแพ้ง่าย แดง ระคายเคืองง่ายต่อผลิตภัณฑ์ทั่วไป มักเกิดอาการแห้งลอก บวมแดง เป็นผื่นแพ้ แสบ รวมไปถึงคัน
ลักษณะของผิวแพ้ง่าย
- ผิวหน้าตึง แพ้ง่าย
- ผื่นขึ้นและอักเสบง่าย
- ระคายเคืองต่อผลิตภัณฑ์ทั่วไป
- สุขภาพผิวไม่แข็งแรง
สำหรับกลุ่มผู้บริโภคที่มีผิวแพ้ง่าย ควรเลี่ยงผลิตสบู่ที่มีส่วนผสมของสารเคมี ควรเลือกสบู่ที่ทำจากธรรมชาติ เนื่องจากจะมีค่า PH ไม่สูงทำให้ผิวไม่ระคายเคือง
ผิวผสม (Combination Skin)
ผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย คือผิวที่ผสมระหว่างผิวธรรมดาหรือผิวแห้ง กับผิวมัน มีการผลิตน้ำมันมากบริเวณ T-Zone (หน้าผากคางและจมูก) ส่วนบริเวณที่ผิวแห้งเกิดจากการขาดน้ำมัน ช่วงบริเวณโหนกแก้มและข้างแก้ม คนที่มีผิวชนิดนี้มักจะมีสิวหัวดำ บริเวณจมูกและมีสิวขึ้นบริเวณหน้าผากและคาง
ลักษณะของผิวผสม
- มันบริเวณ T-Zone
- ผิวแห้งบริเวณโหนกแก้มและข้างแก้ม
- รูขุมขนใหญ่บริเวณ T-Zone
- สิวผิดขึ้นบริเวณหน้าผาก
สำหรับกลุ่มผู้บริโภคที่มีผิวผสม ไม่ควรผลิตสบู่ที่เน้นไปทางด้านผิวมัน หรือแห้งเกินไป ควรเลือกผลิตสบู่ที่มีกลีเซอรีนเป็นส่วนผสม เพราะจะทำให้ผิวชุ่มชื้นได้โดยไม่ทำให้ผิวเกิดความมัน
ผิวธรรมดา (Normal Skin)
ผู้ที่มีผิวธรรมดา ถือว่าเป็นผิวที่มีความสมดุลที่สุด ไม่มันและไม่แห้งจนเกินไป เพราะผิวมีการผลิตน้ำมันได้สมดุล ผิวเนียนเรียบ อ่อนนุ่ม รูขุมขนเล็ก ไม่มีปัญหาเรื่องริ้วรอยหรือสิว เรียกง่าย ๆ ว่าผิวสุขภาพดี
ลักษณะของผิวธรรมดา
- ผิวไม่มันและไม่แห้งจนเกินไป
- ผลิตน้ำมันได้สมดุล
- รูขุมขนเล็ก
- ไม่มีปัญหาเรื่องริ้วรอยหรือสิว
- มีการไหลเวียนโลหิตที่ดี
- ผิวเรียบเนียน
สำหรับกลุ่มผู้บริโภคที่มีผิวธรรมดา สามารถใช้สบู่ได้หลากหลายชนิด เพราะผิวธรรมดาจะไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องรูขุมขนอุดตัน หรือผิวแห้ง
ขั้นตอนปั้นแบรนด์สบู่เป็นของตัวเอง
- หาโรงงานที่มีคุณภาพ ผลิตภัณฑ์ที่ดีย่อมมาจากโรงงานผลิตที่ดี ดังนั้นการเลือกโรงงานจึงมีส่วนสำคัญอย่างมาก เพราะโรงงานที่ได้มาตรฐานจะสามารถผลิตสบู่ที่มีคุณภาพ และได้มาตรฐานให้กับแบรนด์
- กำหนดส่วนผสมของสบู่ ผลิตภัณฑ์แต่ละแบรนด์มีส่วนที่แตกต่างกัน ดังนั้นเจ้าของแบรนด์จะต้องมีส่วนผสมที่ต้องการเอาไว้ในใจ จากนั้นแจ้งไปทางโรงงานที่ต้องการผลิตสบู่ตามส่วนผสมเหล่านี้ บางโรงงานก็มีทีมที่คอยช่วยแนะนำส่วนผสมหรือสูตรที่น่าสนใจให้กับเจ้าของแบรนด์
- เข้าสู่กระบวนการผลิต หลังจากได้สูตรสำหรับผลิตภัณฑ์ของแบรนด์เรียบร้อยแล้ว ก็เข้าสู่กระบวนการผลิตอย่างเต็มตัว จนออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ที่ตรงใจเจ้าของแบรนด์ที่สุด
- ดำเนินการขอเลขที่จดแจ้ง เรื่องความปลอดภัยเป็นเรื่องที่สำคัญ ดังนั้นจึงจะต้องทำการขอเลขจดแจ้ง หรือที่เรารู้จักกันก็คือ เลขอย. โดยสามารถดำเนินการขอได้ด้วยตัวเอง หรือให้โรงงานที่มีบริการนี้ดำเนินการแทน
- ออกแบบแพ็คเกจ แพ็คเกจก็คือสิ่งที่ผู้บริโภคจะเห็นก่อนใคร ดังนั้นการมีแพ็คเกจที่ดึงดูดสายตา จะสามารถสร้างความสนใจให้แก่ผู้บริโภค และสามารถเพิ่มยอดขายได้
สรุป
ผิวแต่ละประเภทมีความแตกต่างกัน กันใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด หรือดูแลผิวพรรณก็ย่อมจะต้องมีส่วนผสมที่แตกต่างกันเช่นกัน ดังนั้นผู้ที่สนใจจะสร้างแบรนด์สบู่ ควรรู้ก่อนว่าผิวพรรณของกลุ่มเป้าหมายนั้นเป็นผิวประเภทไหน เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ออกมาตรงกับความต้องการของผู้บริโภคมากที่สุด
แหล่งที่มา
www.jeban.com
topskincareproducts.com
โควิก เคทท์ เป็นโรงงานผลิตอาหารเสริม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ผลิตเครื่องสำอาง สกินแคร์ ยาสมุนไพรและสารสกัดสมุนไพร ที่มีประสบการณ์กว่า 20 ปี
บริการผลิตอาหารเสริมครบวงจร ที่มีคุณภาพสูง มีความปลอดภัยและมาตรฐานที่ดีเยี่ยม เพื่อให้คุณลูกค้าได้เป็นเจ้าของแบรนด์ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมในรูปแบบที่ง่ายและไม่ต้องลงทุนสูง
จากแนวคิด Complete OEM Health & Beauty Ecosystem โควิก เคทท์ ได้นำความเชี่ยวชาญ การพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์จากสารสกัดธรรมชาติและสมุนไพร มาต่อยอดเทคโนโลยี และสร้างนวัตกรรมการผลิต ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมใหม่ๆ เพื่อเพิ่มคุณภาพผลิตภัณฑ์และประสิทธิภาพของสินค้าต่อผู้บริโภคให้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น
สำหรับผู้ที่สนใจผลิตอาหารเสริมกับทาง #KovicKate ติดต่อได้ที่
โทร : 02-521-7888