รู้จักสบู่แต่ละประเภท สร้างแบรนด์ปังก่อนใคร
สบู่ เป็นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่อยู่ในชีวิตประจำวันของคนเรา เพราะสามารถใช้ทำความสะอาดสิ่งสกปรกต่าง ๆ ได้ ซึ่งนอกจากทำความสะอาดผิวกายได้แล้ว ปัจจุบันสบู่ได้มีการพัฒนาให้สามารถทำความสะอาดผิวหน้า และช่วยแก้ปัญหาผิวพรรณต่าง ๆ ลดเลือนจุดด่างดำ ทำให้ผิวกระจ่างใสเป็นต้น ด้วยเหตุในตลาดผลิตภัณฑ์สบู่ จึงเป็นหนึ่งในตลาดที่น่าสนใจในการสร้างแบรนด์ของตัวเองสักหนึ่งแบรนด์
ในตลาดผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด และดูแลผิวนั้น ได้มีการพัฒนาสบู่ชนิดใหม่ ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับผิวของผู้บริโภค เช่นคุณสมบัติในการให้ความชุ่มชื้น จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าสบู่ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของกิจวัตรประจำวันของผู้บริโภคมากขึ้น
โดยประเภทของสบู่ ส่วนใหญ่อาจจะรู้กันว่าสบู่นั้นมีสองประเภทคือ สบู่ก้อน และสบู่เหลว แต่จริง ๆ เมื่อมองลึกลงไปในสบู่สองประเภทนั้นก็มีประเภทย่อย ๆ แฝงอยู่ ถ้าหากคุณต้องการสร้างแบรนด์สบู่ให้ประสบความสำเร็จ ตอบโจทย์ผู้บริโภค การรู้ประเภทของสบู่ รวมไปถึงข้อดีข้อเสียของสบู่แต่ละประเภทนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ควรพลาด
สบู่ก้อน
สบู่ก้อนเป็นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดแสนเรียบง่ายที่อยู่คู่กับเรามาอย่างยาวนาน สบู่ก้อนส่วนใหญ่ทำมาจากการใช้ไขมันธรรมชาติเช่น ไขมันสัตว์หรือพืชที่ทำปฏิกิริยากับน้ำด่าง (โซเดียมไฮดรอกไซด์) สบู่ที่นิยมใช้กันทั่วไป และใช้มานานมากแล้วก็คือสบู่ก้อน
ในปัจจุบันสบู่ก้อนมีให้เห็นทั้งแบบสบู่ขุ่น และสบู่ใส มีทั้งใช้สำหรับล้างหน้าโดยเฉพาะ หรือใช้สำหรับอาบน้ำแยกกันไป หรือใช้ได้ทั้งล้างหน้าและอาบน้ำ โดยสบู่ก้อนแบ่งออกได้ดังนี้
- สบู่ก้อนสังเคราะห์ (สบู่ซินเดท)
- สบู่น้ำมัน
- สบู่ก้อนแบบผสม
- สบู่ก้อนแบบใส
สบู่ก้อนสังเคราะห์ (สบู่ซินเดท)
สบู่ก้อนสังเคราะห์ (สบู่ซินเดท) เกิดจากการใช้สารสังเคราะห์ เพื่อลดค่าความเป็นด่างในสบู่ลงให้พอเหมาะกับผิว โดยสบู่ที่มาจากการสังเคราะห์อาจจะมีราคาแพงกว่าสบู่ทั่ว ๆ ไป ซึ่งสามารถพบได้ตามท้องตลาดทั่วไป เพราะเป็นสบู่ที่มาจากการผลิตแบบอุตสาหกรรม สามารถผสมสารเคมีได้หลายชนิดเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภค ในปัจจุบันเริ่มมีส่วนผสมจากธรรมชาติผสมลงไปมากขึ้นเพื่อลดปริมาณสารเคมีลง และตามเทรนด์รักธรรมชาติอีกด้วย
สบู่น้ำมัน
สบู่น้ำมัน ต่างจากสบู่ที่ผลิตแบบอุตสาหกรรมเนื่องจากยังมีสารที่เป็นน้ำมันอย่างกลีเซอรีนอยู่ทำให้สบู่น้ำมันช่วยให้ผิวนุ่ม ชุ่มชื้น และการผลิตสบู่น้ำมันยังนิยมผสมน้ำมันอื่น ๆ จากธรรมชาติลงไปไม่ว่าจะเป็นน้ำมันจากพืช หรือสัตว์ เช่น น้ำมันที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว น้ำมันหอมระเหยเพื่อเพิ่มความหอม ในขั้นตอนการทำจะมีการพักสบู่ก่อนนำมาใช้เพื่อให้ค่าความเป็นกรดด่างเหมาะสำหรับผิว ส่วนใหญ่สบู่น้ำมันจะเน้นส่วนผสมจากธรรมชาติ ดังนั้นสบู่น้ำมันจึงเหมาะกับกลุ่มผู้บริโภคผิวแพ้ง่าย หรือผิวแห้ง
สบู่ก้อนแบบผสม
สบู่ก้อนแบบผสมนับว่าอยู่ในหมวดสบู่ธรรมชาติ เนื่องจากองค์ประกอบหลักก็คือ สบู่น้ำมัน แต่ที่เรียกว่าสบู่แบบผสม เนื่องจากมีการนำข้อดีของสบู่แบบธรรมชาติมาผสมเข้ากับสบู่แบบสังเคราะห์
สบู่ก้อนแบบใส
สบู่แบบใส หรือบางครั้งจะรู้จักกันในชื่อ สบู่กลีเซอรีน โดยมีลักษณะใสจนมองทะลุผ่านก้อนสบู่ได้เลย มีส่วนผสมหลักคือกลีเซอรีน และไขมันจากพืช ก้อนสบู่แข็งมีความใส ที่น่าสนใจคือสบู่ใสเป็นสบู่กระบวนการร้อนเนื่องจากใช้ตัวทำละลาย (กลีเซอรีนน้ำตาลและแอลกอฮอล์) ในการละลายของสบู่เพื่อให้แสงผ่านได้ สบู่กลีเซอรีนมักย่อยสลายได้ เนื่องจากมีไขมันพืชเป็นฐานจึงใช้เวลาในการสลายสารเคมีที่ซับซ้อนน้อยลง
ประโยชน์ของสบู่ก้อน
- ไม่มีวัตถุกันเสีย สบู่ก้อนไม่มีส่วนผสมของสารกันเสีย ในปัจจุบันที่ธุรกิจผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด และดูแลผิวเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ การใส่ใจในส่วนผสมจึงเป็นเรื่องสำคัญ ปัจจุบันสบู่ก้อนจึงมีส่วนผสมที่มาจากธรรมชาติ สกัดจากสมุนไพรมากขึ้น
- ใช้ได้นาน โดยทั่วไปสบู่ก้อนสามารถอยู่ได้นานกว่าสบู่เหลวถึง 4 – 6 สัปดาห์
- ดีต่อสิ่งแวดล้อม หลาย ๆ แบรนด์เริ่มปรับสูตรให้สบู่ก้อนเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น สามารถย่อยสลายได้ไม่เหลือเป็นสารเคมีตกค้าง ใช้ส่วนผสมที่เป็นธรรมชาติมากขึ้นในท้องตลาดสบู่เริ่มปรับปรุงให้เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวแห้งง่าย ผิวแพ้งง่ายมากขึ้นด้วย
- ราคาไม่แพง สบู่ก้อนมีราคาตั้งแต่หลักสิบ ไปจนถึงหลักร้อย โดยสบู่ที่ดูมีราคาสูงกว่าสบู่ก้อนทั่วไปก็คือ สบู่กลีเซอรีน ซึ่งมีส่วนผสมของสมุนไพรน้ำมันจากธรรมชาติช่วยในเรื่องของการบำรุงผิว แต่ราคาก็ไม่สูงจนเกินไป
ข้อเสียของสบู่ก้อน
- ทำให้ผิวแห้งง่าย แต่ก่อนสบู่ก่อนมีค่า PH อยู่ที่ประมาณ 9 – 10 ก็จะทำให้ผิวเกิดการแห้งตึงได้ แต่ในปัจจุบันที่เทคโนโลยีพัฒนาขึ้น ทำให้ปรับสูตรสบู่ได้ดีขึ้น มีค่า PH ที่เหมาะกับผิวอยู่ระหว่าง 8 – 10
- เชื้อโรคสามารถมีชีวิตอยู่บนสบู่ได้ มีวิจัยออกมาว่า พบเชื้อโรคชนิดหนึ่งที่สามารถมีชีวิตอยู่รอดได้บนทุกสภาพผิว แม้แต่บนก้อนสบู่ แต่ไม่มีการยืนยันว่าเชื้อโรคนี้จะติดต่อกันผ่านการใช้สบู่ร่วมกัน
สบู่เหลว
หลายคนอาจคิดว่าสบู่เหลว และเจลอาบน้ำเป็นชนิดเดียวกัน ซึ่งจริง ๆ แล้วต่างกัน สบู่เหลวแต่เดิมคือการนำกลีเซอรีนมาผสมกับน้ำให้มีความเหลวขึ้นแต่มีความเป็นด่างสูง เพราะต้องการผลลัพธ์ให้สบู่มีสภาพเป็นน้ำ มีการผสมสารเติมแต่ง ให้มีสีและกลิ่นหอม ในขณะที่เจลอาบน้ำมาจากส่วนผสมเพื่อทำความสะอาดร่างกายร่วมกับสารเคมีอื่น ๆ โดยประเภทสบู่เหลวมีดังนี้
สบู่เหลวแบบธรรมชาติ
สบู่เหลวแบบธรรมชาติเกิดจากการทำปฏิกิริยาของกรดไขมันจากธรรมชาติเช่น จากพืช หรือสัตว์กับสารเคมี โปแทสเซียมไฮดรอกไซด์มีฤทธิ์เป็นด่าง ผสมเข้าด้วยกันสิ่งที่เราจะได้คือหัวเชื้อสบู่เหลวนำมาละลายและผสมใส่สี เติมกลิ่นลงไป
สบู่เหลวสังเคราะห์
สบู่เหลวแบบสังเคราะห์มีการผสมสารเคมีเช่น สารบำรุงผิวต่าง ๆ น้ำหอม สารแต่งสี ซึ่งเมื่อผสมสารเคมีลงไปย่อมมีโอกาสเกิดสารเคมีตกค้างโดยค่อย ๆ ซึมผ่านผิวหนังเข้าไป
ข้อดีของสบู่เหลว
- เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว เนื่องจากสบู่เหลวมักจะมีส่วนผสมของสารต่าง ๆ ที่ช่วยบำรุงผิวทำให้เป็นที่นิยม เพราะเมื่อใช้เสร็จนอกจากจะรู้สึกสะอาดแล้วผิวยังไม่แห้งตึง แถมรู้สึกหผิวนุ่ม ชุ่มชื้นขึ้นอีกด้วย
- มีหลายกลิ่นหลายสูตรให้เลือก ไม่ว่าจะเป็นการบำรุงสุขภาพของผิวให้กระจ่างใส ไม่หมองคล้ำ ช่วยให้ผิวขาวขึ้น หรือสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิว เช่นมีสิวที่หลัง หรือผิวแพ้ง่าย
- ลดความเสี่ยงในการส่งต่อเชื้อโรค บรรจุภัณฑ์ของสบู่เหลวมาในรูปแบบขวดพลาสติก ทั้งแบบฝาปิด แบบกด ทำให้ช่วยลดความเสี่ยงต่อการส่งต่อเชื้อโรค
- ไม่รู้สึกเหนอะแหนะ สบู่เหลวสามารถรักษาความชุ่มชื้นได้ดี และไม่ทำให้รู้สึกเหนอะหนะหลังจากอาบน้ำ และเช็ดตัวจนผิวแห้งดีแล้วก็ตาม
ข้อเสียของสบู่เหลว
- ราคาสูง สบู่เหลวมีราคาแพงกว่าสบู่ก้อน ขึ้นอยู่กับแบรนด์ที่เลือกซื้อและคุณสมบัติของสบู่เหลวแบรนด์นั้น ๆ ด้วย
- ใช้ในปริมาณมากเวลาอาบน้ำ สบู่เหลวบางคนจะใช้ปริมาณน้อย บางคนก็อยากใช้ปริมาณมาก เพราอยากมีกลิ่นตัวที่หอม และรู้สึกสะอาด
- ใช้น้ำในการความสะอาดเยอะ เวลาที่ล้างน้ำ ล้างครั้งเดียวยังรู้สึกไม่สะอาด หรือล้างด้วยน้ำอย่างเดียวไม่ได้ต้องอาศัยใช้อุปกรณ์ขัดตัวร่วมด้วย จึงพบว่าต้องล้างน้ำหลายครั้งต่างจากสบู่ก้อน
- ไม่ดีต่อสิ่งแวดล้อม สบู่เหลวบรรจุในขวดพลาสติกเฉพาะที่ไม่สามารถย่อยสลายทางชีวภาพ และใช้พื้นที่มากขึ้นในการฝังกลบ
สรุป
สบู่ก้อนและสบู่เหลวมีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ทั้งในด้านความเป็นธรรมชาติ ราคา หรือความชุ่มชื้น โดยการเลือกผลิตสบู่นั้น ควรพิจารณาถึงความต้องการของผู้บริโภค แล้วเลือกประเภทสบู่ที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคมากที่สุด เพื่อให้การสร้างแบรนด์สบู่นั้นประสบความสำเร็จ
แหล่งที่มา : topskincareproducts.com
โควิก เคทท์ เป็นโรงงานผลิตอาหารเสริม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ผลิตเครื่องสำอาง สกินแคร์ ยาสมุนไพรและสารสกัดสมุนไพร ที่มีประสบการณ์กว่า 20 ปี
บริการผลิตอาหารเสริมครบวงจร ที่มีคุณภาพสูง มีความปลอดภัยและมาตรฐานที่ดีเยี่ยม เพื่อให้คุณลูกค้าได้เป็นเจ้าของแบรนด์ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมในรูปแบบที่ง่ายและไม่ต้องลงทุนสูง
จากแนวคิด Complete OEM Health & Beauty Ecosystem โควิก เคทท์ ได้นำความเชี่ยวชาญ การพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์จากสารสกัดธรรมชาติและสมุนไพร มาต่อยอดเทคโนโลยี และสร้างนวัตกรรมการผลิต ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมใหม่ๆ เพื่อเพิ่มคุณภาพผลิตภัณฑ์และประสิทธิภาพของสินค้าต่อผู้บริโภคให้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น
สำหรับผู้ที่สนใจผลิตอาหารเสริมกับทาง #KovicKate ติดต่อได้ที่
โทร : 02-521-7888