ทำความรู้จัก SPF และ PA ก่อนสร้างแบรนด์ครีมกันแดด
ในแต่ละวันคนเราต่างต้องเจอกับแสงแดดแทบจะตลอดเวลา และด้วยแดดประเทศไทยที่เรียกว่าค่อนข้างแรง หลายคนจึงต้องหาวิธีปกป้องผิวจากแสงแดดไม่ว่าจะเป็น กางร่ม หรืออยู่ในที่ร่มเพื่อไม่ให้ตัวเองโดนแสงแดด แต่ใช่ว่าวิธีเหล่านั้นจะปกป้องผิวได้เต็มประสิทธิภาพ ครีมกันแดดจึงเป็นตัวเลือกยอดนิยมในการปกป้องผิวจากแสงแดด
โดยปัจจุบันครีมกันแดดได้กลายเป็นหนึ่งในรูทีนสำคัญในการบำรุงผิวไม่ว่าจะเป็นผิวหน้า และผิวกาย เพื่อป้องกันผิวจากแสงแดด เนื่องจากแสงแดดเป็นปัจจัยสำคัญในการทำลายผิว จึงทำให้ผู้คนมองหาครีมที่มีประสิทธิภาพกันมากขึ้น ด้วยความต้องการที่มากขึ้นนั้นจึงทำให้มีเจ้าของแบรนด์หลายคนสนใจที่เริ่มผลิตครีมกันแดดกันอย่างแพร่หลาย ซึ่งก่อนที่จะเริ่มทำแบรนด์ครีมกันแดดนั้น ต้องรู้จักสิ่งที่อยู่ในครีมกันแดดอย่าง SPF และ PA เสียก่อน
ค่า SPF คืออะไร
ค่า SPF ย่อมาจาก Sunburn Protection Factor เป็นค่าที่บอกความสามารถของครีมกันแดดในการป้องกันการไหม้แดงของผิว ซึ่งเกิดจาก รังสียูวีบี (UVB) โดยปกติยิ่งค่าสูงยิ่งทำให้สามารถอยู่กลางแดดได้นานขึ้นก่อนจะมีอาการผิวไหม้แดง โดยความจำเป็นที่จะต้องเลือกค่า SPF สูงแค่ไหนก็ขึ้นกับลักษณะการใช้ชีวิตประจำวันของแต่ละคนดังนี้
- SPF 10-15 : เหมาะกับคนที่ทำงานในร่มตลอดทั้งวัน ไม่ได้โดนแดด
- SPF มากกว่าหรือเท่ากับ 15 : เหมาะกับคนที่มีกิจกรรมกลางแดดระหว่างวัน
- SPF มากกว่าหรือเท่ากับ 30 : เหมาะกับคนที่อยู่กลางแจ้งมาก ๆ หรือมีโรคกลุ่มแพ้หรือไวต่อแสงแดด
ระดับ SPF ปกป้องผิวได้เท่าไหร่
- SPF 15 : ปกป้องผิวจากอาการไหม้แดดมากกว่าผิวปกติ 15 เท่า สามารถปกป้องผิวจากรังสียูวีบีได้ 93.3%
- SPF 30 : ปกป้องผิวจากอาการไหม้แดดมากกว่าผิวปกติ 30 เท่า สามารถปกป้องผิวจากรังสียูวีบีได้ 96.7%
- SPF 50 : ปกป้องผิวจากอาการไหม้แดดมากกว่าผิวปกติ 50 เท่า สามารถปกป้องผิวจากรังสียูวีบีได้ 98%
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นนั้นจะเห็นได้ว่า SPF เป็นค่าที่บ่งบอกประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVB เท่านั้น ในปัจจุบันครีมกันแดดจึงได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อป้องกันรังสี UVA เพิ่มขึ้นด้วย แต่การวัดประสิทธิภาพของการป้องกัน UVA ยังไม่มีมาตรฐานสากล
สำหรับครีมกันแดดที่มีฉลากว่ากันได้ทั้ง UVA, UVB นั้น ในต่างประเทศได้มีผู้นำมาทดสอบว่า ความสามารถในการป้องกัน UVA ต่างกันมาก และไม่สัมพันธ์กับค่า SPF ที่สูงขึ้น เช่นครีมกันแดดที่มีค่า SPF 45 ไม่สามารถกัน UVA ได้ดีกว่าครีมกันแดดที่มีค่า SPF 15 เป็นต้น
ค่า PA คืออะไร
ค่า PA หรือ Protection Grade of UVA คือค่าระดับความสามารถในการปกป้องผิวจากรังสี UVA ระบุค่าความสามารถเป็นจำนวนเครื่องหมายบวก ดังนี้
- PA+ คือความสามารถในการป้องกันผิวจากความหมองคล้ำได้มากกว่าผิวปกติ 2-4 เท่า
- PA++ คือความสามารถในการป้องกันผิวจากความหมองคล้ำได้มากกว่าผิวปกติ 4-8 เท่า
- PA+++ คือความสามารถในการป้องกันผิวจากความหมองคล้ำได้มากกว่าผิวปกติ 8-16 เท่า
- PA++++ คือความสามารถในการป้องกันผิวจากความหมองคล้ำได้มากกว่าผิวปกติ มากกว่า 16 เท่า
โดยผิวปกติคือ ผิวที่ไม่ได้ทาครีมกันแดด
ค่า SPF บนหลอดครีมกันแดด มีที่มาอย่างไร
ค่า SPF เป็นค่าที่ได้จากการทดลองในห้องทดลอง วิธีการของ SPF เป็นการกำหนดภาวะผิวหนังแดง (Erythema) เนื่องจากการทำลายโดยแสงแดด เป็นวิธีการที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก โดย FDA ในสหรัฐอเมริกา และ COLICA ในยุโรป จะเป็นการกำหนดปริมาณของแสง UV ที่น้อยที่สุดที่ทำให้เกิดรอยแดงเนื่องจากแสงแดด หรือ Minimal Erythema Dose (MED)
สิ่งที่ต้องรู้เมื่อคิดจะสร้างแบรนด์ครีมกันแดด
ในการสร้างแบรนด์ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์อะไรก็ตาม สิ่งที่เจ้าของแบรนด์ต่างต้องการก็คือหนีไม่พ้นการที่แบรนด์ประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะตลาดครีมกันแดดที่สามารถสร้างรายได้ได้อย่างมากมาย ถ้าหากคุณเป็นหนึ่งคนที่ต้องการสร้างแบรนด์ครีมกันแดด คุณจะต้องรู้สิ่งเหล่านี้ก่อน
- ศึกษาคู่แข่ง : การศึกษาคู่แข่งนั้นเพื่อให้เรารู้ถึงพฤติกรรมตลาดแบรนด์ และได้รู้ถึงจำนวนคู่แข่งที่จะช่วยการวางแผนสร้างแบรนด์ได้อย่างรอบคอบ
- วางแผนดีมีชัยไปกว่าครึ่ง : การวางแผนสร้างครีมกันแดดก่อนที่จะแข่งกับคู่แข่งนั้นถือเป็นเรื่องที่ควรทำ เช่นประสิทธิภาพของค่า SPF และ PA เป็นต้น การวางแผนเหล่านั้นจะสามารถทำให้แบรนด์ของเราโดดเด่นกว่าคู่แข่ง และสามารถเพื่อยอดขายได้
- สร้างจุดเด่นให้กับแบรนด์ : หากแบรนด์ของเราไม่มีอะไรที่เป็นจุดเด่นพอที่จะดึงดูดผู้บริโภค ไม่ช้าแบรนด์ของเราอาจหายไปไหนสายตาผู้บริโภคในพริบตา ดังนั้นเราจึงควรสร้างจุดเด่นที่แตกต่างจากคู่แข่ง ไม่ว่าจะเป็นครีมกันแดดที่สามารถเป็นทั้งกันแดดและรองพื้น หรือกันแดดที่สามารถปกปิดริ้วรอยได้
- อย่ากลัวที่เริ่มต้น : การสร้างแบรนด์ครีมกันแดดให้ประสบความสำเร็จนั้น เราต้องไม่กลัวที่จะเริ่มต้น ถึงแม้ว่าจะมีคู่แข่งเยอะ แต่ถ้าหากไม่เริ่มต้นจะประสบความสำเร็จได้อย่างไร
สรุป
ค่า SPF เป็นค่าที่คอยบ่งบอกการป้องกันรังสี UVB ส่วนค่า PA จะเป็นค่าป้องกันรังสี UVA ในการสร้างแบรนด์ครีมกันแดดนั้น เจ้าของแบรนด์ควรรู้ว่าค่า SPF และค่า PA ระดับใดถึงจะเหมาะกับผิวของผู้บริโภคตามกลุ่มเป้าหมาย เนื่องจากค่า SPF ที่สูงไม่ได้หมายความว่ามันจะช่วยป้องกันผิวได้ดี ถ้าหากกลุ่มผู้บริโภคของแบรนด์อยู่แต่ในห้องที่ไม่ค่อยได้โดนแสงแดดเลย
โควิก เคทท์ เป็นโรงงานผลิตอาหารเสริม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ผลิตเครื่องสำอาง สกินแคร์ ยาสมุนไพรและสารสกัดสมุนไพร ที่มีประสบการณ์กว่า 20 ปี
บริการผลิตอาหารเสริมครบวงจร ที่มีคุณภาพสูง มีความปลอดภัยและมาตรฐานที่ดีเยี่ยม เพื่อให้คุณลูกค้าได้เป็นเจ้าของแบรนด์ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมในรูปแบบที่ง่ายและไม่ต้องลงทุนสูง
จากแนวคิด Complete OEM Health & Beauty Ecosystem โควิก เคทท์ ได้นำความเชี่ยวชาญ การพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์จากสารสกัดธรรมชาติและสมุนไพร มาต่อยอดเทคโนโลยี และสร้างนวัตกรรมการผลิต ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมใหม่ๆ เพื่อเพิ่มคุณภาพผลิตภัณฑ์และประสิทธิภาพของสินค้าต่อผู้บริโภคให้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น
สำหรับผู้ที่สนใจผลิตอาหารเสริมกับทาง #KovicKate ติดต่อได้ที่
โทร : 02-521-7888