สร้าง Brand Identity อย่างไรให้น่าจดจำ
ทำไมแบรนด์ของคุณถึงไม่เป็นที่จดจำ ? ถึงแม้จะสร้างแบรนด์มานานหลายปีแค่ไหนก็ไม่มีผู้บริโภคจดจำ ถึงจะจำได้แต่ก็เป็นส่วนน้อย เพราะในการสร้างแบรนด์ไม่ว่าจะเป็นสร้างแบรนด์อาหารเสริม, เครื่องสำอาง, สกินแคร์ หรือแม้แต่สมุนไพร ไม่ใช่เพียงเลือกสารสกัด หรือออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้มีความแตกต่างจากคู่แข่งเท่านั้น แต่ Brand Identity ก็มีส่วนสำคัญในการสร้างแบรนด์เช่นกัน
Brand Identity หรือ เอกลักษณ์ของแบรนด์ เป็นสิ่งที่บ่งบอกตัวตน จุดเด่น ความรู้สึก หรือบางอย่างที่ลึกซึ้งและแตกต่างไปสู่ผู้บริโภค ซึ่งสิ่งเหล่านี้เมื่อผู้บริโภคได้รับและรู้สึกได้ ทั้งหมดที่กล่าวมาจะเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคพูดถึงแบรนด์ของคุณ โดย Brand Identity ที่แข็งแกร่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจที่ต้องการสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง แต่จะทำอย่างไรให้แบรนด์ของคุณมี Brand Identity ที่น่าจดจำ วันนี้ทางโควิก เคทท์ มีขั้นตอนการสร้าง Brand Identity มาฝากกัน ซึ่งมีดังต่อไปนี้
ศึกษาผู้ชม คู่แข่ง รวมถึงจุดแข็งของแบรนด์
ในการเริ่มต้นทำธุรกิจไม่ว่าจะเป็นธุรกิจอะไรก็ตาม ขั้นตอนแรกในการสร้าง Brand Identity คือ การศึกษาตลาด เพราะในตลาดแต่ละธุรกิจก็มีความต้องการที่แตกต่างกัน ซึ่งการจะศึกษาตลาดนั้นจะต้องทำความเข้าใจองค์ประกอบต่าง ๆ เหล่านี้ก่อน
ผู้ชม (Audience)
คนแต่ละคนย่อมมีความแตกต่างกัน ไม่มีใครเหมือนกัน 100% นั่นทำให้คุณไม่สามารถนำเสนอสินค้าสำหรับวัยรุ่น ด้วยวิธีการเดียวกันกับการเสนอสินค้าสำหรับผู้ใหญ่ได้ การเรียนรู้สิ่งที่ผู้ชมหรือผู้บริโภคของคุณที่ต้องการจากธุรกิจหรือแบรนด์ของคุณ จึงมีความสำคัญอย่างมากต่อการสร้าง Brand Identity ให้คนจดจำและหลงรัก
คุณค่าหรือจุดแข็งของแบรนด์ และคู่แข่ง (Value Proposition & Competition)
การรู้คุณค่าของแบรนด์ คือการรู้ว่าอะไรที่ทำให้ธุรกิจของคุณโดดเด่นในอุตสาหกรรมเดียวกัน รู้ว่าสิ่งใดที่สามารถมอบให้ผู้บริโภคโดยที่ธุรกิจเจ้าอื่นทำไม่ได้ อีกทั้งรู้จักข้อแตกต่างระหว่างคุณของคู่แข่ง ซึ่งมีความสำคัญต่อการพัฒนาแบรนด์ให้ประสบความสำเร็จ
พันธกิจและวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน (Mission)
สิ่งหนึ่งที่สำคัญคือแบรนด์ต้องมี Mission Statement หรือพันธกิจของบริษัทที่ชัดเจน ซึ่งเกี่ยวโยงกับวิสัยทัศน์และเป้าหมายของคุณด้วย คุณจะไม่สามารถสร้างบุคลิกภาพที่ชัดเจนให้กับธุรกิจได้ จนกว่าคุณจะรู้ว่าธุรกิจนั้นทำเกี่ยวกับอะไร และมีมุมมองในสิ่งที่ทำอย่างไร
บุคลิกภาพของแบรนด์ (Personality)
คุณสามารถสร้างภาพลักษณ์ หรือบุคลิกภาพของแบรนด์ได้โดยใช้รูปแบบ สี และภาพ เพื่อแสดงความเป็นแบรนด์คุณออกมา ซึ่งรูปแบบ สี และภาพเหล่านั้นจะสัมพันธ์กับโทนหรืออารมณ์ความรู้สึกของแบรนด์ด้วย
การวิเคราะห์ SWOT
การวิเคราะห์ SWOT เป็นประโยชน์ต่อการทำความเข้าใจแบรนด์ ถึงจุดอ่อน จุดแข็ง ช่วยให้คุณค้นหาคาแรคเตอร์ที่คุณต้องการนำเสนอในแบรนด์ได้ โดย SWOT มีดังต่อไปนี้
- Strengths (จุดแข็ง) : จุดเด่นหรือจุดแข็งของแบรนด์ที่ได้เปรียบคู่แข่ง
- Weaknesses (จุดอ่อน) : จุดด้อยหรือจุดอ่อนของแบรนด์ ที่ต้องแก้ไข
- Opportunities (โอกาส) : โอกาสจากภายนอกที่เอื้อประโยชน์หรือส่งเสริมการดำเนินงานขององค์กร
- Threats (อุปสรรค) : ข้อจำกัดภายนอก ที่ธุรกิจจำเป็นต้องปรับกลยุทธ์การตลาดให้สอดคล้องและพยายามขจัดอุปสรรคต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น
ออกแบบโลโก้ และเทมเพลตของธุรกิจ
Paul Rand ได้พูดเอาไว้ว่า “การออกแบบ คือการสร้างแบรนด์แอมบาสเตอร์แบบเงียบ ๆ ให้กับแบรนด์ของคุณอยู่” นั่นหมายความว่า การออกแบบเป็นสิ่งที่ช่วยเสนอความเป็นคุณ และความน่าสนใจของคุณให้ออกมาสู่สายตาผู้ชมด้วย ซึ่งการออกแบบเกี่ยวกับแบรนด์มีดังนี้
โลโก้ (Logo)
แม้ว่าโลโก้จะไม่ได้เป็นทั้งหมดที่แสดงถึง Brand Identity แต่ก็เป็นองค์ประกอบสำคัญในกระบวนการสร้างแบรนด์ โลโก้มักจะเป็นส่วนที่คนจดจำได้ดีที่สุดของแบรนด์ เพราะมีอยู่ทุกที่ ในทุกอย่างตั้งแต่เว็บไซต์ จนถึงนามบัตร ไปจนถึงโฆษณาออนไลน์ของแบรนด์
สีและตัวอักษร (Color & Type)
- รูปแบบของสี เป็นส่วนที่ช่วยเสริมความเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ สีช่วยเพิ่มความหลากหลาย ทำให้สามารถออกแบบให้แตกต่าง แต่ยังคงรักษาเอกลักษณ์ของแบรนด์ไว้ได้
- รูปแบบของตัวอักษร เป็นเหมือนดาบสองคม หากไม่ได้ใช้อย่างเหมาะสม อย่างเช่นการออกแบบตัวอักษรแบบ Mix & Match ที่กลายเป็นเทรนด์ไปแล้วแล้วในปัจจุบัน แต่ไม่ได้หมายความว่าการผสมผสานฟอนต์บางรูปแบบเข้าด้วยกันจะเป็นแนวคิดที่ดีสำหรับธุรกิจ
เทมเพลต (Templates)
สำหรับธุรกิจ การส่งอีเมล เอกสาร หรือนามบัตรให้กับผู้ที่มีโอกาสเป็นลูกค้า เกิดขึ้นได้ทุกวัน ดังนั้นการสร้างเทมเพลตที่แน่นอนและสื่อถึงแบรนด์ได้เอาไว้ จะทำให้ธุรกิจของคุณมีภาพลักษณ์และความรู้สึกที่เป็นมืออาชีพ
ความสอดคล้อง (Consistency)
ความสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน คือสิ่งสำคัญที่สามารถสร้างเอกลักษณ์ของแบรนด์ได้ คุณควรใช้เทมเพลตที่สร้างไว้ และทำตามการออกแบบที่คุณได้ตัดสินใจกับทุกส่วนของธุรกิจ เพื่อสร้างเอกลักษณ์ของแบรนด์ที่กลมกลืนกัน
ความยืดหยุ่น (Flexibility)
ความสอดคล้องหรือการออกแบบให้ไปทิศทางเดียวกันนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญ แต่การยืดหยุ่นเพื่อมองหาสิ่งที่ดีที่สุดก็สำคัญไม่แพ้กัน ความยืดหยุ่นจะเกิดขึ้นได้กับการปรับเปลี่ยนแคมเปญโฆษณา สโลแกน หรือภาพลักษณ์แบรนด์โดยรวมให้ทันสมัยขึ้น เพื่อสามารถดึงดูดผู้ชมได้อย่างต่อเนื่อง แต่สิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงคือ การเปลี่ยนแปลงใด ๆ ที่เกิดขึ้น จะต้องสอดคล้องกันทั้งแบรนด์
การสื่อสารที่ใช้
หนึ่งในวิธีที่ทำให้แบรนด์ประสบความสำเร็จมากที่สุดในการบรรลุเป้าหมายก็คือ การสร้างคอนเทนต์ที่มีคุณภาพในทุก ๆ ด้าน คอนเทนต์คือสิ่งที่แทนแบรนด์ของคุณทางออนไลน์ คอนเทนต์เป็นเหมือนพนักงานขาย ร้านค้า แผนกการตลาด เป็นเหมือนเรื่องราวของแบรนด์ คอนเทนต์ทุกชิ้นที่เผยแพร่ จะสะท้อนแบรนด์ออกมา โดยการสื่อสารที่ใช้กับคอนเทนต์มีดังต่อไปนี้
ภาษา (Language)
ใช้ภาษาที่ตรงกับบุคลิกของแบรนด์ของคุณ เช่นหากเอกลักษณ์ของแบรนด์คือความมีระดับ ภาษาที่ใช้ก็จะไม่ตลกหรือร่าเริงจนเกินเหตุไปเป็นต้น ภาษาที่คุณเลือกใช้จะสื่อถึงภาพรวมของธุรกิจทั้งหมด ดังนั้นเป็นสิ่งสำคัญที่คุณจะต้องสร้างโทนของภาษาให้เข้ากับบุคลิกของแบรนด์
ความสัมพันธ์ และอารมณ์ (Connection & Emotion)
ผู้คนมักจะชอบอะไรที่มีเรื่องราว โดยเฉพาะเรื่องราวที่เขาถึงอารมณ์ และสามารถทำให้พวกเปลี่ยนแปลงบางอย่างได้ เอกลักษณ์ของแบรนด์ที่แข็งแกร่งจะสามารถสร้างการเชื่อมโยงทางอารมณ์กับผู้บริโภค ซึ่งอาจเป็นรากฐานที่มั่นคงสำหรับการสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนกับแบรนด์
การโฆษณา (Advertise)
การโฆษณาไม่ว่าจะเป็นแบบดั้งเดิมหรือแบบดิจิทัล เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการแนะนำแบรนด์ของคุณสู่สายตาโลก เป็นวิธีที่จะทำให้ข้อความ เอกลักษณ์ หรือจุดยืนของแบรนด์ถูกเห็นและได้ยินไปยังกลุ่มเป้าหมายได้
โซเชียลมีเดีย (Social Media)
อีกวิธีที่กีในการสร้างการเชื่อมต่อกับผู้บริโภค คือสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดีย มีแพลตฟอร์มบนอินเทอร์เน็ตมากมายที่คุณสามารถใช้เพื่อสร้างเอกลักษณ์ และนำเสนอตัวตนของแบรนด์ได้ โดยโซเชียลมีเดียนั้นมีความสำคัญโดยตรงต่อการสร้างความสัมพันธ์ของลูกค้าดับแบรนด์ หากคุณถูกกล่าวถึงในทวีต สถานะ หรือโพสต์ใด ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับคำถามหรือข้อสงสัยจากลูกค้า นั่นเป็นโอกาสสร้างชื่อเสียงให้กับแบรนด์ จากการตอบสนองลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ
รู้ว่าควรหลีกเลี่ยงอะไร
แม้ว่าแบรนด์ของคุณจะทำตามขั้นตอนทั้งหมดของการสร้าง Brand Identity แต่ถ้าคุณมีความผิดพลาดในการปฏิบัติบ้างอย่าง แบรนด์ของคุณอาจจะสะดุดหรือล้มเหลวไปได้ เพราะคุณจะต้องรู้ว่าอะไรบ้างที่ควรหลีกเลี่ยง โดยมีดังต่อไปนี้
อย่าเลียนแบบคู่แข่ง
คู่แข่งของคุณที่ขายผลิตภัณฑ์แบบเดียวกันกับคุณ อาจมีการสร้างแบรนด์ที่ดี น่าเป็นแบบอย่าง จนทำให้คุณรู้สึกว่าจะทำตาม อยากให้หยุดความคิดนั้น แต่แนะนำให้คุณพิจารณาสิ่งที่พวกเขาทำสำเร็จ แล้วนำมาวิเคราะห์ต่อยอดเป็นความคิดใหม่ ๆ ของคุณเอง ซึ่งนั่นจะทำให้ธุรกิจของคุณโดดเด่นขึ้นมาในอุตสาหกรรมของคุณมากยิ่งขึ้นได้
อย่าเสียความสอดคล้องกันระหว่างออนไลน์และออฟไลน์
แน่นอน งานสิ่งพิมพ์ออฟไลน์ของคุณ อาจจะดูแตกต่างไปจากในออนไลน์เล็กน้อย แต่เรื่องของตัวอักษร รูปแบบ และข้อความ ควรจะสอดคล้องกันทั้งออนไลน์และออฟไลน์
มีการติดตามตรวจสอบ
คล้ายกับด้านอื่น ๆ ของการตลาด เป็นเรื่องยากที่จะรู้ว่าสิ่งที่คุณทำ เอกลักษณ์และการออกแบบที่คุณสร้างขึ้นมานั้นมีประสิทธิภาพหรือไม่ โดยปราศจากการติดตาม ชี้วัด คุณจึงควรมีการวัดผลอย่างเช่น การใช้เครื่องมือ Google Analytics, การสำรวจ, สังเกตจากความคิดเห็น การพูดคุยโต้ตอบในโซเซียลมีเดีย ฯลฯ เพื่อตรวจสอบและรับรู้ว่าผู้คนพูดคุย และมีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์ของคุณอย่างไร สิ่งนี้จะเป็นโอกาสในการใช้เพื่อเปลี่ยนแปลงแบรนด์ตามต้องการของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขข้อผิดพลาด หรือเพื่อปรับปรุงเอกลักษณ์ของแบรนด์ก็ตาม
สรุป
การสร้าง Brand Identity นั้นเป็นสิ่งที่ดี เพื่อให้แบรนด์นั้นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่เหมือนใคร และเป็นที่สนใจในกลุ่มผู้บริโภคมากขึ้น และรับรู้ว่าแบรนด์ของเราคือใครหรืออะไร โดย Brand Identity นั้นมีมากกว่าแค่ชื่อหรือโลโก้ของแบรนด์เท่านั้น หากพัฒนาให้แบรนด์มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น แตกต่างและสร้างการจดจำ จะช่วยให้แบรนด์ประสบความสำเร็จได้
แหล่งที่มา : stepstraining.co
โควิก เคทท์ เป็นโรงงานผลิตอาหารเสริม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ผลิตเครื่องสำอาง สกินแคร์ ยาสมุนไพรและสารสกัดสมุนไพร ที่มีประสบการณ์กว่า 20 ปี
บริการผลิตอาหารเสริมครบวงจร ที่มีคุณภาพสูง มีความปลอดภัยและมาตรฐานที่ดีเยี่ยม เพื่อให้คุณลูกค้าได้เป็นเจ้าของแบรนด์ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมในรูปแบบที่ง่ายและไม่ต้องลงทุนสูง
จากแนวคิด Complete OEM Health & Beauty Ecosystem โควิก เคทท์ ได้นำความเชี่ยวชาญ การพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์จากสารสกัดธรรมชาติและสมุนไพร มาต่อยอดเทคโนโลยี และสร้างนวัตกรรมการผลิต ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมใหม่ๆ เพื่อเพิ่มคุณภาพผลิตภัณฑ์และประสิทธิภาพของสินค้าต่อผู้บริโภคให้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น
สำหรับผู้ที่สนใจผลิตอาหารเสริมกับทาง #KovicKate ติดต่อได้ที่
โทร : 02-521-7888