White Tea Extract
พูดถึงการนำชามาทำเป็นสารสกัดที่ใช้เป็นส่วนผสมของอาหารเสริมหรือเครื่องสำอาง ไม่ว่าจะเป็นผู้บริโภคหรือแม้แต่เจ้าของแบรนด์จำนวนมากก็มักจะตอบว่า ชาเขียว ซึ่งจริง ๆ แล้ว ยังมีอีก 1 ชาที่สามารถนำเอาผสมในสินค้าได้ นั่นก็คือ ชาขาว โดยวันนี้เราจะพาไปรู้จักกับชาขาวกัน
ชาขาวคืออะไร
ชาขาว (White Tea) คือ ชาที่ได้รับการเก็บใบชาเฉพาะส่วนของใบชาที่อยู่ยอดสุดเพียงใบเดียว ซึ่งเป็นยอดอ่อนสุดที่เพิ่งแทงยอดออกมาและยังมีอายุน้อย ๆ ลักษณะเด่นของชาขาวที่ไม่เหมือนชาอื่น ๆ ก็คือ ชาขาวจะมีลักษณะค่อนข้างนิ่มเล็กและบอบบาง หรือที่เรียกว่า ตูมชาขาว (ยอดชาขาวที่ยังตูมอยู่ ไม่บานออกรับแสงแดด) ซึ่งจะมีเส้นขนอ่อน ๆ สีขาวประกายเงินปกคลุมอยู่ ยิ่งปกคลุมมากเท่าไหร่ก็ยิ่งหมายถึงคุณภาพของชาขาวที่ดีขึ้นมาเท่านั้น จึงเป็นที่มาของชื่อ “ชาขาว”
ตลอดจนไปถึงความละเอียดอ่อนในขั้นตอนการผลิต และยังต้องใช้ชาในปริมาณที่มากกว่าชาประเภทอื่นต่อการชงเพื่อให้ได้น้ำชาเพียง 1 แก้ว จึงจะได้น้ำชาขาวสีเหลืองทองอำพัน ซึ่งจะมีรสชาตินุ่มนวลกลมกล่อมและชุ่มคอแบบธรรมชาติ โดยไม่มีรสฝาดขมเหมือนชาเขียวหรือชาดำ
ส่วนในเรื่องของขั้นตอนการผลิตชาขาว หลังจากเก็บตูมชาขาวมาแล้วก็ต้องนำยอดชาที่เก็บได้มาผ่านกระบวนการทำแห้ง ซึ่งนิยมใช้วิธีการตากแดดให้แห้งในทันทีด้วยวิธีธรรมชาติโดยอาศัยลม แสงแดด หรือการอบด้วยเครื่องอบ และจะไม่ผ่านกรรมวิธีที่ไม่ผ่านกระบวนในการหมักบ่มเลย
ชาขาวต่างกับชาเขียวอย่างไร
ชาขาว คือ ใบชาที่ได้มาจากการเก็บเฉพาะส่วนยอดอ่อนใบชาส่วนเดียวเท่านั้น ในขณะที่ ชาเขียว คือใบชาที่ได้จากการเก็บยอดอ่อน ใบอ่อนใบแรกที่ติดกับยอด หรือใบอ่อนที่สองถัดลงมา และชาขาวจะไม่ผ่านกรรมวิธีการหมักเช่นเดียวกับชาเชียวหรือชาดำ จึงทำให้คุณค่าทางโภชนาการและศัลยการในการต้านอนุมูลอิสระสูงสุด เมื่อเปรียบเทียบกับชาชนิดอื่น ๆ
ชาขาวเป็นหนึ่งในชาที่ดีที่สุด าได้ยากและมีราคาแพง จึงถือเป็นชาชั้นสูง ซึ่งชาวจีนนิยมดื่มมานานกว่า 1,500 ปีแล้ว ชาขาวในแต่ละฤดูจะมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป โดยสามารถแบ่งออกได้เป็น 4 กลุ่ม ได้แก่
- กลุ่มที่หนึ่ง “ไป๋เฮา อิ๋นเจิน” ซึ่งเป็นชาขาวเกรดหนึ่งที่ดีที่สุด มีแค่ตุ่มตาอ่อนหุ้มด้วยขนสีขาวเท่านั้น เป็นที่นิยมสูงสุดสำหรับนักดื่มชา เพราะมีกลิ่นหอมหวานคล้ายดอกไม้ผสมกับกลิ่นหญ้าที่ตัดใหม่ ๆ
- กลุ่มที่สอง “ไป๋ หมูตัน” คือใบชาที่ประกอบด้วยตุ่มตาหุ้มด้วยขนอ่อนและใบอ่อนเล็ก ๆ อีก 1 ใบ ให้รสชาติและสีชาเพิ่มขึ้นจากกลุ่มแรกเล็กน้อย และทั้งกลุ่มหนึ่งและกลุ่มสองจะมีปริมาณของคาเฟอีนต่ำเมื่อเทียบกับชาอื่น ๆ
- กลุ่มที่สาม “โฉวเหมย” เป็นชาขาวเกรดต่ำลงมา เก็บได้จากการเก็บยอดอ่อนไปแล้ว มีรสชาติเข้มขึ้น ฝาด และมีกลิ่นเหม็นเขียวเล็กน้อย (ในวงการธุรกิจชา จะใช้ชาขาวเกรดนี้นำไปขายเป็นชาเขียวเกรดดีเพื่อเพิ่มมูลค่า)
- กลุ่มที่สี่ “กงเหมย” ชากลุ่มนี้จะแตกต่างจากกลุ่มแรกและกลุ่มที่สอง มีการขั้นตอนการเก็บรักษาที่ด้อยกว่า และนักดื่มชาจะไม่นิยมดื่มชากลุ่มสามและสี่ จึงมีผู้นำชากลุ่มนี้ไปขายเป็นชาอื่นแทน
สารสำคัญในชาขาว
ชานั้นถือว่ามีประโยชน์ในร่างกาย เพราะประกอบไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ วิตามิน แร่ธาตุ อัลคาลอยด์ กรดอะมิโน น้ำมันหอมระเหย (volatile oil) และน้ำจากกรรมวิธีการผลิตชาขาวที่ผ่านกระบวนการเพียงเล็กน้อย ทำให้ชาขาวยังคงสารที่มีคุณประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่าชาชนิดอื่น อีกทั้งส่วนประกอบต่าง ๆ ของชาขาวยังส่งผลต่อกลิ่น รสชาติ และบ่งบอกถึงคุณภาพของชา โดยสารสำคัญในชาขาวมีดังต่อไปนี้
- สารต้านอนุมูลอิสระ
- สารคาเทซิน
- สารฟลาโวนอยด์
- คาเฟอีน
- กรดอะมิโน
สารต้านอนุมูลอิสระ
สารต้านอนุมูลอิสระที่พบในชาขาวส่วนใหญ่เป็นสารโพลีฟีนอล (polyphenol) จำพวกสารคาเทชิน (catechin) ซึ่งพบมากถึง 70% ของปริมาณสารโพลีฟีนอลทั้งหมดที่มีในชาขาว มีคุณสมบัติที่ดีต่อสุขภาพ คือ ต้านอนุมูลอิสระ ต้านมะเร็ง ลดระดับของคอเลสเตอรอล และไตรกลีเซอไรด์ในเลือด กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ต้านแบคทีเรีย ไวรัส และป้องกันฟันผุ
เมื่อเปรียบเทียบปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระจากการบริโภคชาขาวหนึ่งแก้ว พบว่าการบริโภคชาขาวได้รับสารปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระสูงกว่าการบริโภคผัก และผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง เช่น ผักโขม บล็อกโคลี่ สตรอเบอรี่ ในสัดส่วนการบริโภคที่เท่ากัน
สารคาเทซิน
สารคาเทชินประกอบไปด้วย Epigallocatechin (EGC), Epicatechin (EC), Catechin (C), Epigallocatechin -3-gallate (EGCG), Epicatechin-3-gallate (ECG) และ Gallocatechin (GC) สารโพลีฟีนอลเหล่านี้ สารที่พบมากที่สุด คือ EGCG พบประมาณ 50% ของประมาณสารต้านอนุมูลอิสระในชาขาว สาร
EGCG เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูงมากกว่าวิตามินเอและวิตามินซีถึง 100 เท่า ทำให้มีคุณสมบัติในการช่วยยับยั้งการสร้างไนโตรซามีน (nitrosamine) ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งรุนแรงได้ดีกว่าวิตามินซีมาก เพราะทำปฏิกิริยาได้เร็วและแรงกว่า
สารฟลาโวนอยด์
ชาขาวมีปริมาณของฟลาโวนอยด์ที่สูงที่สุดเมื่อเทียบกับชาชนิดอื่น โดยชาขาวมีปริมาณฟลาโวนอยด์ซึ่งเป็นสารประกอบของฟลาโวนอยด์มากกว่าชาชนิดอื่นถึง 14.2-21.4 เท่า ซึ่งฟลาโวนอยด์มีประสิทธิภาพสูงสุดในการต้านสารอนุมูลอิสระ สามารถช่วยป้องกันการถูกทำลายของเซลล์และเนื้อเยื่อของร่างกายจากอนุมูลอิสระและออกซิเจน
คาเฟอีน
ประโยชน์อื่น ๆ ของการดื่มชาขาวคือ มีปริมาณคาเฟอีน ที่ต่ำกว่าชาชนิดอื่นโดยมีประมาณ 15 มิลลิกรัมต่อหนึ่งหน่วยบริโภคของชา ซึ่งน้อยกว่าชาเขียวและชาดำที่มีปริมาณคาเฟอีน 20 มิลลิกรัม และ 40 มิลลิกรัม ตามลำดับ ทั้งนี้ สารตัวนี้เป็นที่ถกเถียงกันในวงการแพทย์ว่ามีประโยชน์ หรือ โทษกันแน่ แต่โดยทั่วไปยอมรับกันว่าถ้าดื่มไม่เกินวันละ 200 มิลลิกรัม ก็ไม่มีผลเสียต่อร่างกาย
กรดอะมิโน
ชาขาวมีคุณสมบัติช่วยผ่อนคลายได้เนื่องจากมีกรดอะมิโนไทอามีน ซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่พบได้ตามธรรมชาติ ที่ช่วยให้รู้สึกสงบผ่อนคลายโดยที่ไม่ทำให้ง่วง
https://youtu.be/TqTfn0PXStw
ประโยชน์ของชาขาว
- ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ
- ชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัย
- ให้ประโยชน์ต่อสุขภาพช่องปาก
- ชะลอการเติบโตของเซลล์มะเร็ง
ประโยชน์ของสารสกัดชาขาว
- ช่วยกระชับรูขุมขน
- บำรุงผิวให้นุ่มลื่นไม่หยาบกร้าน
- ผิวเรียบเนียนน่าสัมผัส ช่วยต่อต้าน
- ลดแบคทีเรียบนผิว
สรุป
ชานั้นถือว่ามีประโยชน์ในร่างกาย เพราะประกอบไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ วิตามิน แร่ธาตุ อัลคาลอยด์ กรดอะมิโน น้ำมันหอมระเหย ทำให้ชาขาวยังคงสารที่มีคุณประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่าชาชนิดอื่น
โดย #โควิก โรงงานอาหารเสริมแบบ OEM รับผลิตอาหารเสริมตามความต้องการของลูกค้า พร้อมด้วยบริการแบบ One – Stop Service ที่บริการแบบครบวงจร สามารถตอบสนองความต้องการของเจ้าของแบรนด์ได้อย่างครบถ้วน นอกจากนี้ทางโรงงานยังรับผลิตเครื่องสำอาง รับผลิตสบู่ และรับผลิตยาสมุนไพรอีกด้วย
แหล่งที่มา
https://medthai.com
https://www.whitenature.co.th
https://www.sanook.com
https://www.colliplus.com