ยาสมุนไพรไทย ธุรกิจที่น่าจับตามอง
ในปัจจุบันตอนนี้ต้องยอมรับเลยว่าเรื่องของสุขภาพ การดูแลตัวเอง ถือเป็นเรื่องที่ผู้คนให้ความสนใจในอันดับต้น ๆ ตั้งแต่ช่วงก่อนการระบาดของโควิด-19 โดยเริ่มจากการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย การออกกำลังกายให้ร่างกายแข็งแรง อย่างเช่นการวิ่ง เรียกได้ว่าเป็นกระแสนิยมอยู่นานพอสมควรและยังไม่มีทีท่าที่กระแสนี้จะลดลง
หลังจากนั้นไม่นานก็มีการแพร่ของเชื้อโควิด-19 ที่ทำให้กระแสรักสุขภาพ การดูแลด้วยเองกลายเป็นที่นิยมมากขึ้น ไม่ใช่เพียงต้องการป้องกันการติดเชื้อเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการสร้างเสริมสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงไม่เป็นโรคร้ายแรงต่าง ๆ อีกด้วย ซึ่งเรื่องที่ผู้คนต่างให้ความสนใจก็คือ การเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
โดยในการรักษาสุขภาพนั้นก็มีหลากหลายวิธีไม่ว่าจะเป็นการทานอาหารที่มีประโยชน์ การออกกำลังกาย แต่วิธีผู้คนชาวไทยนิยมอย่างมากอีกวิธีหนึ่งก็คือ การทานสมุนไพรไทย หรือยาสมุนไพร เนื่องจากสมุนไพรไทยนั้นมีสรรพคุณมากมายไม่ว่าจะเป็น การลดน้ำหนัก การดูแลผิว รวมไปถึงการรักษาโรค และการเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย ทำให้สมุนไพรเป็นที่ต้องการและน่าจับตามองให้ในสร้างแบรนด์ต่าง ๆ
เนื่องจากสมุนไพรสดผู้บริโภคบางคนอาจจะไม่สามารถรับประทานได้ด้วยเหตุผลบางอย่าง ยาสมุนไพร หรืออาหารเสริมสมุนไพร จึงเข้ามามีบทบาทในผู้บริโภคอย่างมาก โดยเฉพาะในปัจจุบันที่ผู้คนต่างใช้ชีวิตกันอย่างเร่งรีบ การมียาสมุนไพรที่สามารถทานได้ง่ายและรวดเร็วจึงเป็นสิ่งผู้บริโภคต้องการ ดังนั้นธุรกิจยาสมุนไพร จึงเป็นธุรกิจที่ได้รับความสนใจอย่างมากในตอนนี้ทั้งจากตัวผู้บริโภคและเจ้าของแบรนด์ต่าง ๆ ซึ่งทาง Kovic จะพาไปรู้กับธุรกิจที่น่าจับตามองนี้กัน
ยาสมุนไพร กับยาแผนโบราณ ต่างกันอย่างไร
ผู้คนหลายคนมักคิดว่ายาสมุนไพรกับยาแผนโบราณนั้นคืออันเดียวกันเพราะมีส่วนช่วยในการรักษาโรค ป้องกันโรค และดูแลสุขภาพได้เหมือนกัน แต่จริง ๆ แล้วทั้งสองอย่างมีความแตกต่างกันอยู่ดังนี้
ยาสมุนไพร
สมุนไพรตัวหนึ่งรักษาได้หลายอาการ เริ่มต้นที่ต้านอนุมูลอิสระ กระตุ้นธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ ในแผนไทย หรือธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ ในแผนจีน สมุนไพรจึงไม่ค่อยมีความจำเพาะต่อโรค แต่ปลอดภัยกว่ายาจากสารเคมี ฉะนั้นสมุนไพรจึงทำงานเข้ากันกับร่างกายมากกว่า ทำให้อวัยวะหรือสรีระในร่างกายปรับตัวได้ดีกว่า
ยาแผนปัจจุบัน
ยาแผนปัจจุบันมักทำมาจากสารเคมี ซึ่งออกฤทธิ์แบบที่มีความจำเพาะสูง ผลของฤทธิ์ยาก็มีความเฉพาะที่ ยาแผนปัจจุบันเป็นสารเคมี จึงไม่มีการปรับตัวเข้ากับร่างกาย คนไข้ที่ใช้ยาแผนปัจจุบันอาจได้รับผลข้างเคียงของยา สารเคมีจากยาอาจทำให้ร่างกายเสียสมดุล เพราะยาบางอย่างจะทำให้อวัยวะบางส่วนจะหยุดทำงาน และต้องได้ยาไปเรื่อย ๆ
ยาสมุนไพรกับยาแผนโบราณ สามารถทานร่วมกันได้หรือไม่
คำตอบคือ มีผลงานวิจัยจากต่างประเทศระบุว่า หากทานยาแผนโบราณ หรือยาสมุนไร ควบคู่ไปกับยาปฏิชีวนะ หรือยาแผนโบราณในการรักษาโรค อาจมีปฏิกิริยาหรือส่งผลข้างเคียงที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายได้ หากใช้อย่างไม่ระมัดระวัง ทั้งชนิดและปริมาณ โดยปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นจะมี 2 แบบ คือ
- ปฏิกิริยาเภสัชจลนศาสตร์ หมายถึง ยาชนิดใดชนิดหนึ่งจะเปลี่ยนแปลงประสิทธิภาพในการดูดซึม การกระจายตัว การเผาผลาญ และการขจัดออกจากร่างกายทำให้ยาชนิดนั้น ๆ ออกฤทธิ์ได้ไม่เต็มที่ เช่น การทานยาบางชนิด ควบคู่ไปกับการดื่มชาเขียว เป็นต้น
- ปฏิกิริยาเภสัชพลศาสตร์ หมายถึง การที่ยาชนิดใดชนิดหนึ่งเปลี่ยนแปลงการออกฤทธิ์ที่เนื้อเยื่อ หรืออวัยวะเป้าหมายโดยตรง มีผลทำให้ยาชนิดนั้น ๆ มีฤทธิ์ที่แรงกว่าปกติ จนทำให้เกิดอาการข้างเคียงอันไม่พึงประสงค์ได้
นอกจากนั้น สถาบันแพทย์แผนไทย ยังมีคำเตือนอีกด้วยว่าไม่ควรทานยาสมุนไพร และยาแผนใหม่ที่ออกฤทธิ์คล้ายกันเพราะอาจทำให้ร่างกายได้รับยาเกินขนาด ร่างกายอาจเสียสมดุล และการรักษาอาจไม่เป็นผลอย่างที่ต้องการได้
ตลาดสมุนไพร เศรษฐกิจหลักของไทย
สมุนไพร ถูกใช้เป็นวัตถุดิบเพื่อผลิตผลิตภัณฑ์ในอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มอุตสาหกรรมยาสมุนไพร และผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ล้วนส่งผลให้ตลาดสมุนไพรเป็นตลาดที่มีการเติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง โดยตลาดสมุนไพรในโลกมีมูลค่ารวมกันประมาณ 9.18 หมื่นล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐซึ่งประเทศที่มีมูลค่าทางการตลาดของสมุนไพรที่สูง ได้แก่ ญี่ปุ่น เกาหลี จีน ฝรั่งเศส เยอรมัน และภูมิภาคเอเชีย
โดย รศ.ภก.สุรกิจ นาทีสุวรรณ คณบดีคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่าด้วยตลาดสมุนไพรมีอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดด เพราะเป็นทางเลือกในการดูแลสุขภาพที่มีความปลอดภัยและมาจากธรรมชาติ ขณะเดียวกันด้านนโยบายของภาครัฐที่ส่งเสริมให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมสมุนไพร ผ่านแผนแม่บทว่าด้วยการพัฒนาสมุนไพรไทยปี 2560-2564 ที่จะสนับสนุนดูแลด้านการตลาด ส่งเสริมสมุนไพร Product Champion ไพล กระชายดำ ขมิ้นชัน และใบบัวบก รวมถึงการปลูกสมุนไพรตั้งต้นหรือสมุนไพรสำคัญของโลก และการมีกฎหมายที่เป็นประโยชน์ต่อตลาดสมุนไพร ทำให้ขณะนี้มีผู้ประกอบการจำนวนมากคิดค้น และสร้างผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสมุนไพรอย่างมาก
สร้างแบรนด์ธุรกิจอาหารเสริม และสมุนไพรไทยอย่างไรให้ปัง
ธุรกิจอาหารเสริม หากพิจารณาจากความนิยมกันในปัจจุบันมีหลายกลุ่ม เช่น กลุ่มโปรตีนจากพืช กลุ่มระบบภายในผู้หญิง กลุ่มดูแลผิวพรรณเป็นต้น เจ้าของแบรนด์ที่สนใจสร้างธุรกิจประเภทนี้จึงจำเป็นที่จะต้องมองหากลุ่มเป้าหมายของตนเองให้ได้ก่อนว่า จะเน้นทำตลาดกลุ่มไหน และควรศึกษาเทรนด์ความนิยมที่สอดคล้องกับแนวโน้มความต้องการของกลุ่มผู้บริโภคในอนาคตด้วย
ถ้าอ้างอิงจากข้อมูลขององค์กรสหประชาชาติพบว่าในปี 2030 ไทยจะมีสัดส่วนผู้สูงอายุถึง 20% ของจำนวนประชากรไทยทั้งหมด และมีแนวโน้มที่จะอายุยืนมากขึ้น ตรงนี้ถือเป็นอีกช่องว่างและโอกาสทางธุรกิจของ ธุรกิจอาหารเสริมและสมุนไทย อย่างชัดเจน โดยควรเน้นไปที่กลุ่มอาหารเสริมหรือสมุนไพรไทยที่ช่วยในการดูแลสุขภาพ ฟื้นฟู ผู้ป่วยโรคต่าง ๆ ไม่ใช่เพียงสนใจในเทรนด์หรือความต้องการในปัจจุบัน ทางแบรนด์ควรคำนึงถึงความต้องการหรือเทรนด์ที่มีความเป็นไปได้ในอนาคตอีกด้วย
สรุป
ธุรกิจยาสมุนไพร เป็นหนึ่งในธุรกิจที่มีความน่าสนใจอย่างมาก เนื่องจากสมุนไพรมีสิ่งที่หาได้ง่ายในประเทศไทย และสามารถช่วยในการรักษาโรค หรือเสริมสร้างภูมิคุ้มกันได้ โดยอาศัยเทรนด์การรักสุขภาพเป็นแรงผลักดันให้ผลิตภัณฑ์ของแบรนด์เป็นที่รู้จักหรือที่ต้องการของผู้บริโภค เนื่องจาหกผู้บริโภคมีแนวโน้มสนใจเรื่องสุขภาพมากขึ้นอย่างแน่นอน
แหล่งที่มา
www.bangkokbiznews.com
www.salika.co
mgronline.com
www.sanook.com
โควิก เคทท์ เป็นโรงงานผลิตอาหารเสริม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ผลิตเครื่องสำอาง สกินแคร์ ยาสมุนไพรและสารสกัดสมุนไพร ที่มีประสบการณ์กว่า 20 ปี
บริการผลิตอาหารเสริมครบวงจร ที่มีคุณภาพสูง มีความปลอดภัยและมาตรฐานที่ดีเยี่ยม เพื่อให้คุณลูกค้าได้เป็นเจ้าของแบรนด์ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมในรูปแบบที่ง่ายและไม่ต้องลงทุนสูง
จากแนวคิด Complete OEM Health & Beauty Ecosystem โควิก เคทท์ ได้นำความเชี่ยวชาญ การพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์จากสารสกัดธรรมชาติและสมุนไพร มาต่อยอดเทคโนโลยี และสร้างนวัตกรรมการผลิต ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมใหม่ๆ เพื่อเพิ่มคุณภาพผลิตภัณฑ์และประสิทธิภาพของสินค้าต่อผู้บริโภคให้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น
สำหรับผู้ที่สนใจผลิตอาหารเสริมกับทาง #KovicKate ติดต่อได้ที่
โทร : 02-521-7888