สร้างแบรนด์อาหารเสริม ต้องเตรียมงบด้านไหนบ้าง
การจะริเริ่มทำธุรกิจสักอย่างหนึ่ง นอกจากความชอบและความถนัดแล้ว ประสบการณ์บางอย่างที่สามารถช่วยให้คุณสามารถนำพาธุรกิจไปถึงจุดที่ต้องการได้ โดยเฉพาะธุรกิจอาหารเสริม เนื่องจากในปัจจุบัน อาหารเสริมเป็นตัวช่วยยอดนิยมที่ผู้คนหันมาซื้อบริโภค ทำให้เกิดการสร้างแบรนด์อาหารเสริมออกมาอย่างมากมาย เรียกได้ว่าหันไปทางไหนก็เจอแต่อาหารเสริมให้เลือกอย่างไม่ซ้ำกัน แต่ก็ยังมีผู้คนอีกจำนวนไม่น้อยที่กำลังสนใจในการสร้างแบรนด์อาหารเสริมเป็นของตัวเอง
โดยส่วนใหญ่หลายคนมักจะคิดว่าการทำแบรนด์ผลิตภัณฑ์ประเภทนี้เป็นเรื่องยาก ต้องอาศัยความรู้ทางวิชาการค่อนข้างมาก จนเกิดความกังวลว่าจะทำแบรนด์อาหารเสริมของตัวเองได้หรือไม่ แน่นอนว่าขั้นตอนการผลิตอาหารเสริมนั้นต้องผ่านหลายกระบวนการกว่าที่จะได้อาหารเสริมที่มีคุณภาพ ผลิตภัณฑ์ที่วางจำหน่ายบางชนิดมีงานวิจัยรองรับ ตรงส่วนนี้คือสิ่งที่เจ้าของแบรนด์ต้องให้ความสำคัญและดึงมาใช้เป็นจุดขายของสินค้า ทำให้สินค้ามีความน่าสนใจมากขึ้น
อีกหนึ่งสิ่งที่เจ้าของแบรนด์ควรให้ความสำคัญและพิจารณาอย่างรอบคอบก็คือ งบประมาณ แน่นอนว่าการทำแบรนด์อาหารเสริมสักแบรนด์หนึ่ง มีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างมาก ซึ่งก็มีเจ้าของแบรนด์หลายคนคิดเพียงว่าจ่ายเงินสำหรับการผลิตเท่านั้น แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่อย่างนั้น ดังนั้นวันนี้ทาง Kovic จะบอกถึงงบประมาณในการสร้างแบรนด์กันว่า จะทำแบรนด์อาหารเสริมสักแบรนด์ ต้องเตรียมงบในด้านไหนบ้าง
สร้างแบรนด์อาหารเสริม ต้องเตรียมงบประมาณด้านไหนบ้าง
ในการเริ่มต้นทำแบรนด์ของตัวเอง คงยากที่จะระบุตัวเลขลงไปให้ชัดเจนซึ่งมีตั้งแต่หลักแสนไปจนถึงหลักล้าน เพราะแต่ละคนนั้นมีวัตถุประสงค์ในการสร้างแบรนด์ที่แตกต่างกัน โดยค่าใช้จ่ายหลัก ๆ จะแบ่งออกเป็น 3 ส่วนดังนี้
งบประมาณสินค้า
วัสดุดิบที่เลือกใช้มีต้นทุนที่แตกต่างกัน เป็นวัตถุดิบที่ขึ้นชื่อและหายากมาแค่ไหน ส่วนผสมหรือสมุนไพรที่ใช้ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาหรือไม่ ถ้าไม่เคยถูกขึ้นทะเบียนมาก่อน ต้องทำเรื่องขอ อย.ใหม่ ซึ่งค่อนข้างยุ่งยาก ผลิตในไทยหรือนำเข้าจากต่างประเทศ ปริมาณส่วนผสมสำคัญที่ใส่ลงไป และจะทำออกมาในลักษณะใด มีทั้งแบบแคปซูล แบบผงชงดื่ม หรือแบบน้ำ เพราะต้นทุนต่อหน่วยการผลิตแตกต่างกันออกไป เช่นถ้าต้องการให้ได้คุณสูงสุดแบบน้ำเห็นผลได้ดีสุด แต่จะมีค่าใช่จ่ายสูง ตามมาด้วยแคปซูล และสุดท้ายคือแบบผงชงดื่ม นอกจากนี้ยังมีรูปแบบบรรจุภัณฑ์ที่ต้องคำนึงอีกด้วย
งบประมาณด้านการตลาด
ค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ควรเตรียมให้มากพอจนกว่าแบรนด์จะเป็นที่รู้จัก ทั้งในส่วนของการโฆษณา ส่งเสริมการขาย และการประชาสัมพันธ์ งบด้านการตลาดต้องกำหนดไว้ตั้งแต่แรก เนื่องจากไม่สามารถรู้ได้ว่าต้องใช้เวลานานเท่าไหร่กว่าสินค้าจะเริ่มจำหน่ายออกไปได้ ซึ่งงบประมาณการตลาดนั้นไม่ควรมากเกินไปจนทำให้ค่าใช้จ่ายบานปลาย ส่วนจะมีประสิทธิภาพในการจัดการอย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับช่องทางในการใช้งบประมาณด้วย
งบประมาณด้านการดำเนินการ
ค่าดำเนินการในการใช้บริการ OEM ซึ่งเป็นระบบที่เน้นในเรื่องของการผลิตสินค้าตามคำสั่งซื้อ โดยที่เจ้าของแบรนด์สามารถเปิดธุรกิจเป็นของตนเองได้ทันที แม้จะไม่เชี่ยวชาญด้านการผลิต หรือวางแผนกลยุทธ์การตลาดก็ตาม เช่นค่าวิจัยและพัฒนาสูตร ค่าขึ้นทะเบียนกับทางสำนักงานกรรมการอาหารและยา ค่าจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า ค่าการสั่งผลิต ค่าบรรจุตัวยา ค่าออกแบบบรรจุภัณฑ์เป็นต้น
การเลือกโรงงานผลิตอาหารเสริม ควรเลือกอย่างไร
แต่ละโรงงานมีความโดดเด่นแตกต่างกัน เช่นการนำเข้าสารสกัดจากพืช มีผู้เชี่ยวชาญที่มีทักษะความรู้ด้านอาหารเสริมสมุนไพร ฯ ก่อนตัดสินใจเลือกผลิตกับโรงงานใดก็ตาม ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทนั้นว่ามีความน่าเชื่อถือมากน้อยเพียงใด ทำมานานกี่ปี มีทีมงานมากประสบการณ์เป็นผู้ควบคุมหรือไม่ เมื่อเข้าไปค้นหาทางอินเตอร์เน็ต บนหน้าเว็บไซต์ควรมีการอัพเดทอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีความมั่นคงทางการเงิน และมีภาพลักษณ์ที่ดีหรือไม่ กระบวนการผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ต้องเป็นไปตามมาตรฐานสากล เช่น GMP, HACCP, ISO และ HALAL เป็นต้น มีคุณภาพ สะอาดและปลอดภัย
บางโรงงานมีบริการครบวงจรแบบ One Stop Service ดูแลจบได้ในที่เดียว เหมาะสำหรับผู้ประกอบการที่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นตรงไหนให้บริการตั้งแต่ การวางแผนสินค้า, ฝ่ายวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์, กระบวนการผลิต, การจัดการ, ออกแบบบรรจุภัณฑ์, ให้คำปรึกษาในการวางแผนทางการตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ช่องทางการจัดจำหน่าย การทำเว็บไซต์โปรโมทสินค้า และบริการหลังการขาย
อาหารเสริมกลุ่มไหนน่าลงทุนทำแบรนด์
อาหารเสริมที่นิยมกันในปัจจุบันมีหลายกลุ่มเช่น กลุ่มโปรตีนจากพืช กลุ่มระบบภายในผู้หญิง กลุ่มดูแลผิวพรรณเป็นต้น จึงจำเป็นที่จะต้องมองหากลุ่มเป้าหมายของตนเองให้ได้ก่อนว่า จะเน้นทำการตลาดกลุ่มไหน และต้องสอดคล้องกับแนวโน้มความต้องการของกลุ่มผู้บริโภคในอนาคต
จากข้อมูลขององค์กรสหประชาชาติพบว่าในปี 2030 ไทยจะมีสัดส่วนของผู้สูงอายุถึง 20% ของจำนวนประชากรไทยทั้งหมด สามารถศึกษาข้อมูลได้จากงานวิจัยต่าง ๆ แล้วนำมาต่อยอดพัฒนาเป็นธุรกิจ มีหลายแบรนด์ที่ให้ความสำคัญกับการทำวิจัยหลายปี จนได้สินค้าที่มีคุณภาพและกลายเป็นที่ยอมรับไม่ว่าจะเป็นอาหารเสริมที่ช่วยบำรุงสมองและความจำ หรือช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต่าง ๆ ที่ส่วนใหญ่เกิดกับกลุ่มผู้สูงอายุเช่น โรคหัวใจและความดัน กระดูกและข้อเสื่อม เบาหวาน มะเร็ง รวมทั้งโรคที่เกี่ยวกับสายตาและการได้ยินเป็นต้น
รวมถึงวัยทำงานที่ต้องใช้พลังกายพลังงานความคิดอย่างหนัก จึงไม่ค่อยมีเวลาดูแลตัวเองทั้งการเลือกรับประทานอาหารและการพักผ่อนอย่างเพียงพอ เสียสุขภาพไปกับการทำงานทั้งวันจนเหนื่อยล้า ทำให้สมองทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ และมีโอกาสเจ็บป่วยได้ง่ายกว่าปกติ
ดังนั้นผู้ที่สนใจลงทุนในธุรกิจนี้ควรที่จะศึกษาทำความเข้าใจถึงความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่มาจากธรรมชาติยังมีขายในท้องตลาดเพียงไม่กี่ชนิด การต่อยอดผลิตภัณฑ์ในการสร้างมูลค่าเพิ่มจากสมุนไพรและสารสกัดจากธรรมชาติยังมีอยู่น้อยเช่นกัน นี่จึงเป็นอีกหนึ่งช่องทางสำหรับมือใหม่ในธุรกิจอาหารเสริมได้อีกมาก
สรุป
การสร้างแบรนด์อาหารเสริมเป็นของตัวเองนั้น การจัดสรรงบประมาณเป็นเรื่องที่สำคัญเพื่อไม่ให้งบประมาณไม่บานปลาย และใช้งบประมาณในด้านต่าง ๆ ได้อย่างคุ้มค่า นอกจากนี้หากงบประมาณในการสร้างแบรนด์เหลือ ยังสามารถนำงบตรงนั้นไปพัฒนาสินค้าหรือผลิตสินค้าตัวใหม่ออกมาได้อีกด้วย
แหล่งที่มา : taokaemai.com
โควิก เคทท์ เป็นโรงงานผลิตอาหารเสริม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ผลิตเครื่องสำอาง สกินแคร์ ยาสมุนไพรและสารสกัดสมุนไพร ที่มีประสบการณ์กว่า 20 ปี
บริการผลิตอาหารเสริมครบวงจร ที่มีคุณภาพสูง มีความปลอดภัยและมาตรฐานที่ดีเยี่ยม เพื่อให้คุณลูกค้าได้เป็นเจ้าของแบรนด์ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมในรูปแบบที่ง่ายและไม่ต้องลงทุนสูง
จากแนวคิด Complete OEM Health & Beauty Ecosystem โควิก เคทท์ ได้นำความเชี่ยวชาญ การพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์จากสารสกัดธรรมชาติและสมุนไพร มาต่อยอดเทคโนโลยี และสร้างนวัตกรรมการผลิต ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมใหม่ๆ เพื่อเพิ่มคุณภาพผลิตภัณฑ์และประสิทธิภาพของสินค้าต่อผู้บริโภคให้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น
สำหรับผู้ที่สนใจผลิตอาหารเสริมกับทาง #KovicKate ติดต่อได้ที่
โทร : 02-521-7888